พิมพ์หน้านี้ - หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)

ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน

บทประพันธ์กลอนและบทกวีเพราะๆ => ห้องฝึกเขียนกลอนตามฉันทลักษณ์ => ข้อความที่เริ่มโดย: webmaster ที่ 06 ธันวาคม 2009, 09:02:AM



หัวข้อ: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: webmaster ที่ 06 ธันวาคม 2009, 09:02:AM
ห้องแต่งกลอนตามฉันทลักษณ์มีกติกาไม่เหมือนห้องอื่น...รบกวนอ่านก่อนนะครับ โดยคลิ๊กที่นี่ (http://www.klonthaiclub.com/index.php/topic,9308.0.html)

กลอนสุภาพ
       เป็นคำประพันธ์อีกชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมกันทั่วไป เพราะเป็นร้อยกรองชนิดที่มีความเรียบเรียงง่ายต่อการสื่อความหมาย และสามารถสื่อได้อย่างไพเราะ ซึ่งกลอนแปดมีการกำหนดพยางค์และสัมผัส มีหลายชนิดแต่ที่นิยมคือ กลอนสุภาพ

        กลอนสุภาพนับเป็นกลอนหลักของก่อนทุกชนิด ซึ่งจำแนกเป็นกลอน ๖ กลอน ๗ กลอน ๘ และกลอน ๙ ซึ่งมีหลักของการแต่งคล้ายคลึงกัน ในที่นี้จะกล่าวถึงหลักการแต่งกลอน ๘ ซึ่งเป็นกลอนที่นิยม ดังนี้

1. จำนวนคำของกลอนแต่ละวรรคมี 8 คำ หรือ 9 คำ , 2 วรรคเป็นหนึ่งบาท , สองบาทเป็นหนึ่งบท
2. คำสุดท้ายของวรรคหน้า (วรรคที่ 1) ต้องสัมผัสกับ คำที่ 3 หรือคำที่ 5 ของวรรคหลัง(วรรคที่2)
3. คำสุดท้ายของวรรคที่ 2 ต้องสัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรคที่ 3
4. คำสุดท้ายของวรรคที่ 3 ต้องสัมผัสกับ คำที่3 หรือคำที่ 5 ของ วรรคที่ 4 ( แต่งครบ 4 วรรค หรือ สองบาท เป็น หนึ่งบท )
ถ้าจะขึ้นบทใหม่ ต้องให้คำสุดท้ายของวรรคที่ 4 ของบทที่หนึ่ง สัมผัสกับคำสุดท้ายของ วรรคที่ 2 ของบทใหม่ คล้องจองอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ดังแผนผังข้างล่าง

(http://www.klonthaiclub.com/picture/supap8.jpg)

สัมผัสในกลอนแปด
กลอนแปดจะมีลักษณะการสัมผัส 4 ลักษณะ ดังนี้
1. สัมผัสสระ
เป็นสัมผัสระหว่างคำที่ใช้สระเสียงเดียวกัน ถ้าเป็นคำที่มีตัวสะกดก็ต้องอยู่ในมาตราเดียวกันด้วย เช่น รบ พบ จบ คบ แต่มีข้อควรระวัง คือ ห้ามใช้สระเสียงสั้นกับสระเสียงยาวมาสัมผัสกัน เช่น คำ กับ คร้าม เป็นต้น
2. สัมผัสอักษร (สัมผัสพยัญชนะ) 
เป็นสัมผัสระหว่างคำที่ใช้พยัญชนะต้นตัวเดียวกันหรือเสียงพยัญชนะพ้องกัน โดยไม่จำกัดสระและวรรณยุกต์ เช่น กก กอ กิ่ง แก้ว เป็นต้น
3. สัมผัสนอก 
เป็นสัมผัสบังคับที่ส่งและรับสัมผัสจากวรรคหนึ่งไปยังอีกวรรคหนึ่งในบทเดียวกัน รวมทั้งสัมผัสระหว่างบทด้วยกัน ถือว่าเป็นสัมผัสบังคับของร้อยกรองทุกประเภท แต่ต้องจำให้ดีว่าสัมผัสนอกจะใช้สัมผัสสระเท่านั้น
ภาพความหลัง ยังตราตรึง คะนึงคิด ในดวงจิต เปี่ยมรัก แม่หนักหนา
สุดซาบซึ้ง ถึงความรัก ความเมตตา ดวงอุรา ที่งดงาม มิเคยเลือน …………จบบทที่ 1
เฝ้าถนอม กล่อมเกลี้ยง เลี้ยงดูบุตร ลออสุด น้ำใจ หาใครเหมือน
เฝ้าอบรม บ่มนิสัย เฝ้าตักเตือน แม่เหมือนเพื่อน เฝ้าปลอบใจ ยามลูกตรม………….จบบทที่ 2
4. สัมผัสใน 
เป็นสัมผัสที่ส่งและรับภายในวรรค ใช้ได้ทั้งสัมผัสสระและสัมผัสอักษร เพราะสัมผัสในไม่ใช่สัมผัสบังคับ แต่เป็นสัมผัสที่ช่วยให้ร้อยกรองมีความไพเราะมากยิ่งขึ้น และเป็นการแสดงฝีมือของผู้แต่งด้วย
ภาพความหลัง ยังตราตรึง คะนึงคิด ในดวงจิต เปี่ยมรัก แม่หนักหนา
สุดซาบซึ้ง ถึงความรัก ความเมตตา ดวงอุรา ที่งดงาม มิเคยเลือน …………จบบทที่ 1
เฝ้าถนอม กล่อมเกลี้ยง เลี้ยงดูบุตร ลออสุด น้ำใจ หาใครเหมือน
เฝ้าอบรม บ่มนิสัย เฝ้าตักเตือน แม่เหมือนเพื่อน เฝ้าปลอบใจ ยามลูกตรม………….จบบทที่ 2

แหล่งที่มา : www.panyathai.or.th]
 (http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%9B%E0%B8%94)


หัวข้อ: [กลอน ๘ ] เกล็ดกลอนแปดสำหรับมือใหม่ โดย "ระนาดเอก"
เริ่มหัวข้อโดย: ระนาดเอก ที่ 06 ธันวาคม 2009, 06:32:PM

(http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_008.gif)

~"เคล็ดลับการเขียนกลอนแปด?"~



๐ กำหนดจิตสู่ธรรมนำประทีป
บานเป็นกลีบบัวรับกานท์อักษร
อัญเชิญจิตบรมคุณท่านสุนทร
พร่างคำกลอนดุจคล้ายสายธารา

๐ เป็นไอเย็นอ่อนอุ่นละมุนถ้อย
ใครยินคล้อยหลงใหลไอภาษา
ดั่งปี่แก้วพระอภัยฯร่ายมนตรา
เชิญท่านมาดื่มด่ำทิพย์คำกลอน..

๐ แต่งให้บ่อยน้องพี่ดีที่สุด
เพราะคือจุดสำคัญกว่าการสอน
ยิ่งจะคิดเขียนงานกานท์บวร
ถ้านิ่งนอนที่ไหนใครจะเป็น

๐ เขียนเยอะเยอะเขียนไว้มันไม่เสีย
ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรงแจ้งให้เห็น
เพียงเขียนกลอนรู้ไว้ใจเย็นเย็น
ลองเคี่ยวเข็ญความเก่งเบ่งบานมา

๐ เพียงแต่เราปล่อยอารมณ์จะสมจิต
มิยึดติดคำใดเอาไว้หนา
หากเช่นนั้นจะเวียนเศียรทันตา
เพราะรอท่าแก้คำแค่คำเดียว

๐ การเล่นคำมีมากอยู่หลากหลาย
แต่ความหมายต่างกันพลันเฉลียว
หากงงงันเปิดตำราอย่าช้าเชียว
อย่าได้เที่ยวใช้คำนอกตำรา

๐ สื่อกฎเกณฑ์ความหมายจะได้รู้
มิให้ใครหยามหลู่สู่ภาษา
สรรพนามครั้งใดใช้ทุกครา
ทั้งขึ้นหน้าลงท้ายต้องคล้ายกัน

๐ เพราะบางคนขึ้นฉันลงท้ายผม
ใส่ผสมเขียนมาช่างน่าขัน
ควรสังเกตให้ดีชี้ให้ครัน
เวลาสรรค์งานได้ไม่อายคน

๐ เวลาแต่งคิดเรื่องให้หลากหลาย
แต่งบรรยายเรื่องราวเคล้าเหตุผล
ควรสร้างงานเป็นเอกเฉกของตน
อย่าไปสนลอกใครนั้นไม่ดี

๐ หากได้ดูผลงานของท่านอื่น
มาปรับฟื้นงานตนจะถูกที่
ดูเป็นแนวพัฒนาอย่ารอรี
จะทวีฝีมือระบือไกล

๐ ถ้าหากย่ำรอยเท้าเก่ากับที่
เหมือนชีวีมิก้าวเข้าใจไหม
แต่งก็วนเรื่องก็วนทนอ่านไป
เดี๋ยวก็ได้ปิดฉากจากบทกลอน

๐ ด้วยจะเป็นกวีนี้ควรคิด
เพียงอยู่ติดเรื่องฝันนั้นไว้ก่อน
หากกวีขาดฝันพลันม้วยมรณ์
แต่งทุกตอนจะกร่อยด้อยค่าลง

๐ เหมือนครูกลอนสุนทรภู่ดูเป็นหลัก
คิดผูกยักษ์รักคนชนใหลหลง
แนวกวีมีวิญญาณงานบรรจง
เยี่ยมที่ตรงคิดได้แล้วร่ายกานท์

๐ แต่งไปเถอะมานะจะสนุก
น้องจะสุขในทิพย์หยิบความหวาน
หนึ่งในร้อยน้อยใครได้พบพาน
แต่ผู้จารงานกลอนพบก่อนใคร?"

ระนาดเอก

emo_25

(http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_008.gif)


..ระนาด..ที่ไหลอย่างสายน้ำ..                      ..สื่อทำนอง..ท่องห้วงทิพย์..


(http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_007.gif)

"เทคนิคการเขียนกลอน ๖ บทครับ?"



๐ การร่ายพจน์รดใจมีหลายหลาก
ควรเริ่มจากเรื่องราวเตรียมกล่าวอ้อน
คิดพล็อตเรื่องซึ้งซึ้งตรึงสุนทร
บทแรกก่อนขึ้นให้ใคร่ติดตาม

๐ คิดพยางค์คำคมอารมณ์ใส่
คนอ่านไซร้เพลิดเพลินเกินหักห้าม
ฝึกหัดเขียนหกบทสร้างพจน์ความ
คล้ายในนามเรื่องสั้นบรรยายไป

๐ ปูท้องเรื่องสองบทสะกดจิต
แต่งแต้มนิดเติมหน่อยปล่อยคำไข
บทสาม,สี่ผูกปมกลมเกลียวใย
ชักชวนให้ใครอ่านพานติดลม

๐ บทที่ห้าพาทีที่เร่งเร้า
เตรียมส่งเข้าบทท้ายคล้ายเพาะบ่ม
พอเข้าสู่บทหกฉกฉวยปม
เร่งระดมปิดฉากกระชากใจ

๐ เสร็จแล้วตรวจเนื้อเรื่องอย่าเคืองขัด
ถ้อยอึดอัดแย้งกันอย่าพลันใส่
ดูสัมผัสฉันทลักษณ์หลักกลอนไทย
เสียงที่ใช้ไล่ทวนถ้วนต้น,ปลาย

๐ ชิงสัมผัสหรือซ้ำย้ำอย่าใช้
เรื่องถูกใจแต่คำทำเสียหาย
แล้วอย่าลืมตั้งชื่อสื่อคมคาย
คนอ่านดูก็ฉายลายคำกลอน..

ระนาดเอก

emo_25


(http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_007.gif)

..ระนาด..ที่ไหลอย่างสายน้ำ..                      ..สื่อทำนอง..ท่องห้วงทิพย์..


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: แมวเหมียว ที่ 07 ธันวาคม 2009, 02:55:PM
ลองแต่งดูนะคะ

กลอนสุภาพแปดคำจำต่อวรรค
ฝึกรู้จักถักทอก่อภาษา
ได้ลองแต่งกลอนรักปักอุรา
ไว้ครั้งหน้ามาอ่านสำราญใจ

แต่บางครั้งทั้งเจ็ดและก็เก้า
ยังนำเอามาต่อให้พอไหว
แบ่งวรรคอ่านให้เหมาะไพเราะไป
ไม่ว่าใครฝึกบ่อยจะค่อยดี


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: เพรางาย ที่ 14 ธันวาคม 2009, 03:07:PM
คุณงายชอบกลอนเจ็ด
ขอเอามาใส่ไว้ด้วยนะคะ  ถือว่าอยู่ในประเภทกลอนเช่นเดียวกัน
กลอนเจ็ดจะรับส่งสัมผัสเช่นเดียวกับกลอนแปด  ต่างตรงที่จำนวนพยางค์ในวรรคจะมีแค่เจ็ดพยางค์ 
ถ้าแบ่งพยางค์ในวรรคของกลอนแปดเป็น
000/00/000
กลอนเจ็ดจะออกมาเป็น
00/00/000

ซึ่งคุณงายจะชอบเพราะรู้สึกว่ามันกระชับกว่า  ถ้าเป็นกลอนบทละครหรือบทร้องเพลงไทยเดิม  ใช้กลอนเจ็ดจะร้องได้ง่ายกว่าด้วย
ส่วนนี้เป็นเรื่องของนานาจิตตังค่ะ
แต่อยากเอามาเพิ่มเติมให้รู้เพิ่ม  เผื่อมีใครสงสัยบางงานของคุณงายว่าทำไมไม่ครบแปด

กลอนไม่ได้มีแค่กลอนแปดหรอกค่ะ
ที่คุณงายชอบมีกลอนเจ็ด  กลอนหก  กลอนสี่  ตามลำดับ  จะเลือกแต่งตามอารมณ์กลอนที่เจ้าตัวคิดว่าน่าจะเหมาะที่สุด

ลองแต่งกลอนเพื่อเป็นตัวอย่างกลอนเจ็ด  ให้สองบทค่ะ


ที่ใดไม่มีรอยชีวิต
คาดคิดสิทธิ์สู่ประตูหวัง
ย่อมไร้ใครลอบมอบพลัง
คนตั้งใจวาดยังขาดคน

ที่ไหนใดที่มีชีวิต
ดวงจิตคิดได้ไม่สับสน
บากบั่นฝันพร้อมยอมอดทน
ดึงตนสู่หวังสมตั้งใจ


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ระนาดเอก ที่ 14 ธันวาคม 2009, 09:43:PM
๐ ที่นี่ พร่างพรม อารมณ์ฝัน
ล้วนกลั่น อักษร อย่างอ่อนไหว
พลิ้วพลิ้ว ริ้วลม ห่มฤทัย
งามใส ยามล่วง หลงบ่วงกลอน

๐ คุณงาย ฉายอ้อน ถึงกลอนเจ็ด
แววเพชร เลอค่า กล้ากระฉ่อน
ถ้อยกวิน แห่งฟ้า จะขจร
สะท้อน วิถี กวีไทย..

emo_12


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: nontawit ที่ 16 ธันวาคม 2009, 08:15:PM


  อยากให้คุณ  Webmaster  มาบอกวิธีการเล่นอักษร หรือที่เรียกว่า "กลบท-กลอักษร"น่ะครับ เพราะอยากรู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง และอีกอย่าง
  ผมไปหาแล้วมันมีแค่นิดเดียวเอง  ถ้าหาได้ก็ขอบคุณมากครับ แต่ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรครับ

  ด.ช.นนท์
   emo_54


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: Kotchanan ที่ 24 ธันวาคม 2009, 04:13:PM


อยากฝึกหัดแต่งกลอนวอนมาต่อ
เงียบเหงาหนอห้องนี้มีคนไหน
มาทายทักรักพี่มีแก่ใจ
ต่อกันไปไมตรีก็ผลิบาน

นับจากหนึ่งถึงร้อยค่อยค่อยฝึก
ร่วมจารึกสักคำนำขับขาน
ฉันทลักษณ์ถูกก็รอมินาน
มอบแด่ท่านบวกหนึ่งซึ้งน้ำใจ

แต่งให้เป็นเรื่องเดียวและเกี่ยวเนื่อง
พี่เริ่มเรื่องกลอนรักจักดีไหม
โดยระวังสัมผัสอย่าปัดไป
กลอนจักได้ไพเราะเพราะช่วยกัน


(หางนกยูงปลิดไป.. หัวใจหล่นตาม)


"หางนกยูงสีส้มโน้มกิ่งลู่
กลีบ,ละอองเรณูพรูไหวสั่น
สะบัดช่อพลิ้วลมพัดโรมรัน
ริ้วตะวันหลุบย้อมพร้อมกลีบเคว้ง"

 emo_50



หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกกระเจียว ที่ 24 ธันวาคม 2009, 05:44:PM


อยากฝึกหัดแต่งกลอนวอนมาต่อ
เงียบเหงาหนอห้องนี้มีคนไหน
มาทายทักรักพี่มีแก่ใจ
ต่อกันไปไมตรีก็ผลิบาน

นับจากหนึ่งถึงร้อยค่อยค่อยฝึก
ร่วมจารึกสักคำนำขับขาน
ฉันทลักษณ์ถูกก็รอมินาน
มอบแด่ท่านบวกหนึ่งซึ้งน้ำใจ

แต่งให้เป็นเรื่องเดียวและเกี่ยวเนื่อง
พี่เริ่มเรื่องกลอนรักจักดีไหม
โดยระวังสัมผัสอย่าปัดไป
กลอนจักได้ไพเราะเพราะช่วยกัน


(หางนกยูงปลิดไป.. หัวใจหล่นตาม)


"หางนกยูงสีส้มโน้มกิ่งลู่
กลีบ,ละอองเรณูพรูไหวสั่น
สะบัดช่อพลิ้วลมพัดโรมรัน
ริ้วตะวันหลุบย้อมพร้อมกลีบเคว้ง"

 emo_50


คนขี้เมาเหล้าเร่เซแท่ดแท่ด
เดินหน้าแปดถอยหลังเก้าเท้าเขย่ง
เซเข้าสวนม้วนหน้าข้ามิเกรง
มวลแมกไม้บานเบ่งล้มกระจาย

มือนั้นกอดขวดเหล้าเท่าชีวิต
ใครจะคิดชิงข้านั้นอย่าหมาย
ตั้งสติยืนหยัดระมัดกาย
ก็มิวายเซไถลไปอีกที

เห็นนกยูงสูงลิ่วอยู่บนต้น
แปลกกมลเอ๊อะไรที่ไหนนี่
จึงสอดส่ายสายตาสุรามี
ยกกระดกอีกทีอย่างจงใจ

เมื่อสุขสมล้มครืนลงอีกรอบ
ใครช่วยตอบผมทีว่าที่ไหน
แล้วขี้เหล้าคนนี้เขาเป็นใคร
ช่วยต่อกลอนต่อไปให้เข้ากัน

                dokkrajaiw emo_54 emo_54


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ระนาดเอก ที่ 24 ธันวาคม 2009, 06:26:PM


อยากฝึกหัดแต่งกลอนวอนมาต่อ
เงียบเหงาหนอห้องนี้มีคนไหน
มาทายทักรักพี่มีแก่ใจ
ต่อกันไปไมตรีก็ผลิบาน

นับจากหนึ่งถึงร้อยค่อยค่อยฝึก
ร่วมจารึกสักคำนำขับขาน
ฉันทลักษณ์ถูกก็รอมินาน
มอบแด่ท่านบวกหนึ่งซึ้งน้ำใจ

แต่งให้เป็นเรื่องเดียวและเกี่ยวเนื่อง
พี่เริ่มเรื่องกลอนรักจักดีไหม
โดยระวังสัมผัสอย่าปัดไป
กลอนจักได้ไพเราะเพราะช่วยกัน


(หางนกยูงปลิดไป.. หัวใจหล่นตาม)


"หางนกยูงสีส้มโน้มกิ่งลู่
กลีบ,ละอองเรณูพรูไหวสั่น
สะบัดช่อพลิ้วลมพัดโรมรัน
ริ้วตะวันหลุบย้อมพร้อมกลีบเคว้ง"

 emo_50


๐ ดอกสีส้มชูชันบานสลวย
ล่อภู่ผึ้งรื่นรวยด้วยสีเก่ง
พิศเกสรไกวก้านขานบทเพลง
วอนรวีอย่าเร่งเปล่งเดชา..

emo_12


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: Kotchanan ที่ 24 ธันวาคม 2009, 11:59:PM

หางนกยูงปลิดไป.. หัวใจหล่นตาม


หางนกยูงสีส้มโน้มกิ่งลู่
กลีบ,ละอองเรณูพรูไหวสั่น
สะบัดช่อพลิ้วลมพัดโรมรัน
ริ้วตะวันหลุบย้อมพร้อมกลีบเคว้ง (กชนันท์)

๐ ดอกสีส้มชูชันบานสลวย
ล่อภู่ผึ้งรื่นรวยด้วยสีเก่ง
พิศเกสรไกวก้านขานบทเพลง
วอนรวีอย่าเร่งเปล่งเดชา.. (ระนาดเอก)

ใจระรัวแอบพ้อเพราะหวาดหวั่น
มาศตะวันส่องระยับจับเกศา
หางนกยูงเบ่งบานเต็มม่านฟ้า
แล้วรักเราโรยราหรืออย่างไร?


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: Kotchanan ที่ 25 ธันวาคม 2009, 02:29:PM
หางนกยูงปลิดไป.. หัวใจหล่นตาม


>> หางนกยูงสีส้มโน้มกิ่งลู่
กลีบ,ละอองเรณูพรูไหวสั่น
สะบัดช่อพลิ้วลมพัดโรมรัน
ริ้วตะวันหลุบย้อมพร้อมกลีบเคว้ง      (กชนันท์)

>>  คนขี้เมาเหล้าเร่เซแท่ดแท่ด
เดินหน้าแปดถอยหลังเก้าเท้าเขย่ง
เซเข้าสวนม้วนหน้าข้ามิเกรง
มวลแมกไม้บานเบ่งล้มกระจาย

มือนั้นกอดขวดเหล้าเท่าชีวิต
ใครจะคิดชิงข้านั้นอย่าหมาย
ตั้งสติยืนหยัดระมัดกาย
ก็มิวายเซไถลไปอีกที

เห็นนกยูงสูงลิ่วอยู่บนต้น
แปลกกมลเอ๊อะไรที่ไหนนี่
จึงสอดส่ายสายตาสุรามี
ยกกระดกอีกทีอย่างจงใจ

เมื่อสุขสมล้มครืนลงอีกรอบ
ใครช่วยตอบผมทีว่าที่ไหน
แล้วขี้เหล้าคนนี้เขาเป็นใคร
ช่วยต่อกลอนต่อไปให้เข้ากัน       (dokkrajaiw)  

>> ฤทธิ์ดีกรีพลุ่งพล่านซ่านในเลือด
ราวอัคคีไหม้เดือด หน้าเผือด,สั่น
อลหม่านผ่านคืนฝืนอีกวัน
มิแผกผันเม็ดน้ำยังก่ำตา

ใครหนอคนขี้เมาผมเผ้าปรก
ย้อมหัวอกเปราะบางอย่างสิ้นท่า
ท่านมิเข้าถึงอก ฟกอุรา
ถึงเฮฮาจิตใจอ่อนไหวนัก

เคลิ้มไปกับสายลมที่พรมพลิ้ว
เหมือนปลิดปลิวอ่อนยวบอย่างจมปลัก
ตาสนิมก่ำแดง-แฝงด้วยรัก
แต่เกินตักตวงไว้ในสายตา

เคยหรือเปล่า? เหงางันอยู่เงียบ-เงียบ
แต่ละก้าวย่ำเหยียบอย่างไร้ค่า
มันปวดร้าวราวกับเพิ่งผ่านมา
และเกินกว่าน้ำเมาเข้ากดทับ!

ช่อตระหง่านท้าตะวันแล้วผันพลิก
ยกกระติกกรอกคอก่อนเคลิ้มหลับ
เหม็นเปรี้ยว,เรอ.. เออ..หนอ คออ่อนพับ
หางนกยูงเควี้ยวขวับ.. ซับน้ำตา           (กชนันท์)


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกกระเจียว ที่ 25 ธันวาคม 2009, 07:15:PM
หางนกยูงปลิดไป.. หัวใจหล่นตาม


>> หางนกยูงสีส้มโน้มกิ่งลู่
กลีบ,ละอองเรณูพรูไหวสั่น
สะบัดช่อพลิ้วลมพัดโรมรัน
ริ้วตะวันหลุบย้อมพร้อมกลีบเคว้ง      (กชนันท์)

>>  คนขี้เมาเหล้าเร่เซแท่ดแท่ด
เดินหน้าแปดถอยหลังเก้าเท้าเขย่ง
เซเข้าสวนม้วนหน้าข้ามิเกรง
มวลแมกไม้บานเบ่งล้มกระจาย

มือนั้นกอดขวดเหล้าเท่าชีวิต
ใครจะคิดชิงข้านั้นอย่าหมาย
ตั้งสติยืนหยัดระมัดกาย
ก็มิวายเซไถลไปอีกที

เห็นนกยูงสูงลิ่วอยู่บนต้น
แปลกกมลเอ๊อะไรที่ไหนนี่
จึงสอดส่ายสายตาสุรามี
ยกกระดกอีกทีอย่างจงใจ

เมื่อสุขสมล้มครืนลงอีกรอบ
ใครช่วยตอบผมทีว่าที่ไหน
แล้วขี้เหล้าคนนี้เขาเป็นใคร
ช่วยต่อกลอนต่อไปให้เข้ากัน       (dokkrajaiw)  

>> ฤทธิ์ดีกรีพลุ่งพล่านซ่านในเลือด
ราวอัคคีไหม้เดือด หน้าเผือด,สั่น
อลหม่านผ่านคืนฝืนอีกวัน
มิแผกผันเม็ดน้ำยังก่ำตา

ใครหนอคนขี้เมาผมเผ้าปรก
ย้อมหัวอกเปราะบางอย่างสิ้นท่า
ท่านมิเข้าถึงอก ฟกอุรา
ถึงเฮฮาจิตใจอ่อนไหวนัก

เคลิ้มไปกับสายลมที่พรมพลิ้ว
เหมือนปลิดปลิวอ่อนยวบอย่างจมปลัก
ตาสนิมก่ำแดง-แฝงด้วยรัก
แต่เกินตักตวงไว้ในสายตา

เคยหรือเปล่า? เหงางันอยู่เงียบ-เงียบ
แต่ละก้าวย่ำเหยียบอย่างไร้ค่า
มันปวดร้าวราวกับเพิ่งผ่านมา
และเกินกว่าน้ำเมาเข้ากดทับ!

ช่อตระหง่านท้าตะวันแล้วผันพลิก
ยกกระติกกรอกคอก่อนเคลิ้มหลับ
เหม็นเปรี้ยว,เรอ.. เออ..หนอ คออ่อนพับ
หางนกยูงเควี้ยวขวับ.. ซับน้ำตา           (กชนันท์)

ความบรรยายยาวย้ำล้วนลำบาก
นั่นต่างหากบทกระทำดั่งคำว่า
อ่านแล้วจึงสมเพศเวทนา
จะกล่าวหานั้นสุดแท้แต่น้ำคำ


ที่จริงแล้วไม่ใช่ใครคือไอ้ฟัก
ถ้าคุณไม่รู้จักก็น่าขำ
เป็นภารโรงอยู่โรงเรียนเพียรประจำ
แต่เพราะฟ้าชะตากรรมจึงเมามาย

ถูกสังคมรุมประณามแลหยามเหยียด
แถมยังเบียดเบียนกรรมถึงทำร้าย
ทิ้งชีวิตความดีปรีชาชาย
อยู่กับม่ายสมทรงข้างโรงเรียน

             dokkrajaiw



   emo_40 emo_40 emo_52


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: เพรางาย ที่ 28 ธันวาคม 2009, 03:34:PM


หางนกยูงปลิดไป.. หัวใจหล่นตาม


หางนกยูงสีส้มโน้มกิ่งลู่
กลีบ,ละอองเรณูพรูไหวสั่น
สะบัดช่อพลิ้วลมพัดโรมรัน
ริ้วตะวันหลุบย้อมพร้อมกลีบเคว้ง (กชนันท์)

๐ ดอกสีส้มชูชันบานสลวย
ล่อภู่ผึ้งรื่นรวยด้วยสีเก่ง
พิศเกสรไกวก้านขานบทเพลง
วอนรวีอย่าเร่งเปล่งเดชา.. (ระนาดเอก)

ใจระรัวแอบพ้อเพราะหวาดหวั่น
โอ้..จอมขวัญ หนึ่งใครยังเพรียกหา
หางนกยูงเบ่งบานเต็มม่านฟ้า
แล้วรักเราโรยราหรืออย่างไร?


ปลิดกลีบส้มพรมพื้นยืนอดสู
รักที่ดูเจิดจ้าฟ้าสดใส
ชั่วพริบตาขั้วโยกโลกคว่ำใบ
เท้าของใครย่ำกดบดแหลกเลือน


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: Kotchanan ที่ 28 ธันวาคม 2009, 05:39:PM

หางนกยูงปลิดไป.. หัวใจหล่นตาม


หางนกยูงสีส้มโน้มกิ่งลู่
กลีบ,ละอองเรณูพรูไหวสั่น
สะบัดช่อพลิ้วลมพัดโรมรัน
ริ้วตะวันหลุบย้อมพร้อมกลีบเคว้ง (กชนันท์)

๐ ดอกสีส้มชูชันบานสลวย
ล่อภู่ผึ้งรื่นรวยด้วยสีเก่ง
พิศเกสรไกวก้านขานบทเพลง
วอนรวีอย่าเร่งเปล่งเดชา.. (ระนาดเอก)

ใจระรัวแอบพ้อเพราะหวาดหวั่น
มาศตะวันส่องระยับจับเกศา
หางนกยูงเบ่งบานเต็มม่านฟ้า
แล้วรักเราโรยราหรืออย่างไร?
(กชนันท์)

ปลิดกลีบส้มพรมพื้นยืนอดสู
รักที่ดูเจิดจ้าฟ้าสดใส
ชั่วพริบตาขั้วโยกโลกคว่ำใบ
เท้าของใครย่ำกดบดแหลกเลือน(เพรางาย)

แตะเพียงแผ่วแว่นกลีบยับลีบปรุ
พลันทะลุย่อยแหลกเยิ้มยางเฝื่อน
ฝากสีสันแสดแสบไว้แนบเตือน
เซ่นคนเถื่อน เปื้อนตมก่อนจมลับ (กชนันท์)


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: เพรางาย ที่ 29 ธันวาคม 2009, 10:17:AM
หางนกยูงปลิดไป.. หัวใจหล่นตาม


หางนกยูงสีส้มโน้มกิ่งลู่
กลีบ,ละอองเรณูพรูไหวสั่น
สะบัดช่อพลิ้วลมพัดโรมรัน
ริ้วตะวันหลุบย้อมพร้อมกลีบเคว้ง (กชนันท์)


๐ ดอกสีส้มชูชันบานสลวย
ล่อภู่ผึ้งรื่นรวยด้วยสีเก่ง
พิศเกสรไกวก้านขานบทเพลง
วอนรวีอย่าเร่งเปล่งเดชา.. (ระนาดเอก)


ใจระรัวแอบพ้อเพราะหวาดหวั่น
มาศตะวันส่องระยับจับเกศา
หางนกยูงเบ่งบานเต็มม่านฟ้า
แล้วรักเราโรยราหรืออย่างไร? (กชนันท์)


ปลิดกลีบส้มพรมพื้นยืนอดสู
รักที่ดูเจิดจ้าฟ้าสดใส
ชั่วพริบตาขั้วโยกโลกคว่ำใบ
เท้าของใครย่ำกดบดแหลกเลือน(เพรางาย)


แตะเพียงแผ่วแว่นกลีบยับลีบปรุ
พลันทะลุย่อยแหลกเยิ้มยางเฝื่อน
ฝากสีสันแสดแสบไว้แนบเตือน
เซ่นคนเถื่อน เปื้อนตมก่อนจมลับ (กชนันท์)

เหลือหลายดอกแย้มเยือนเรือนใบยอด
รอวันทอดพรมส้มลมขยับ
เล่ห์ลมหวานหว่านลูบจูบประทับ
ตะวันดับร่วงรายตายตามกัน


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ตะวันฉาย ที่ 29 ธันวาคม 2009, 10:47:AM

หางนกยูงปลิดไป.. หัวใจหล่นตาม


หางนกยูงสีส้มโน้มกิ่งลู่
กลีบ,ละอองเรณูพรูไหวสั่น
สะบัดช่อพลิ้วลมพัดโรมรัน
ริ้วตะวันหลุบย้อมพร้อมกลีบเคว้ง (กชนันท์)

๐ ดอกสีส้มชูชันบานสลวย
ล่อภู่ผึ้งรื่นรวยด้วยสีเก่ง
พิศเกสรไกวก้านขานบทเพลง
วอนรวีอย่าเร่งเปล่งเดชา.. (ระนาดเอก)

ใจระรัวแอบพ้อเพราะหวาดหวั่น
มาศตะวันส่องระยับจับเกศา
หางนกยูงเบ่งบานเต็มม่านฟ้า
แล้วรักเราโรยราหรืออย่างไร?
(กชนันท์)

ปลิดกลีบส้มพรมพื้นยืนอดสู
รักที่ดูเจิดจ้าฟ้าสดใส
ชั่วพริบตาขั้วโยกโลกคว่ำใบ
เท้าของใครย่ำกดบดแหลกเลือน(เพรางาย)

แตะเพียงแผ่วแว่นกลีบยับลีบปรุ
พลันทะลุย่อยแหลกเยิ้มยางเฝื่อน
ฝากสีสันแสดแสบไว้แนบเตือน
เซ่นคนเถื่อน เปื้อนตมก่อนจมลับ (กชนันท์)


เหลือหลายดอกแย้มเยือนเรือนใบยอด
รอวันทอดพรมส้มลมขยับ
เล่ห์ลมหวานหว่านลูบจูบประทับ
ตะวันดับร่วงรายตายตามกัน (เพรางาย)

ลู่ลมแรงแข่งขยับวับวาวไหว
ดอกก้านใบร่วงหล่นยลเพียงฉัน
ยืนต้นตายรายเรียงเคียงตะวัน
ถูกฝนพลัน ชูช่อดอก ออกเชยชม
  (ตะวันฉาย)


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: แงซาย ที่ 29 ธันวาคม 2009, 10:46:PM

หางนกยูงปลิดไป.. หัวใจหล่นตาม


หางนกยูงสีส้มโน้มกิ่งลู่
กลีบ,ละอองเรณูพรูไหวสั่น
สะบัดช่อพลิ้วลมพัดโรมรัน
ริ้วตะวันหลุบย้อมพร้อมกลีบเคว้ง (กชนันท์)

๐ ดอกสีส้มชูชันบานสลวย
ล่อภู่ผึ้งรื่นรวยด้วยสีเก่ง
พิศเกสรไกวก้านขานบทเพลง
วอนรวีอย่าเร่งเปล่งเดชา.. (ระนาดเอก)

ใจระรัวแอบพ้อเพราะหวาดหวั่น
มาศตะวันส่องระยับจับเกศา
หางนกยูงเบ่งบานเต็มม่านฟ้า
แล้วรักเราโรยราหรืออย่างไร?
(กชนันท์)

ปลิดกลีบส้มพรมพื้นยืนอดสู
รักที่ดูเจิดจ้าฟ้าสดใส
ชั่วพริบตาขั้วโยกโลกคว่ำใบ
เท้าของใครย่ำกดบดแหลกเลือน(เพรางาย)

แตะเพียงแผ่วแว่นกลีบยับลีบปรุ
พลันทะลุย่อยแหลกเยิ้มยางเฝื่อน
ฝากสีสันแสดแสบไว้แนบเตือน
เซ่นคนเถื่อน เปื้อนตมก่อนจมลับ (กชนันท์)


เหลือหลายดอกแย้มเยือนเรือนใบยอด
รอวันทอดพรมส้มลมขยับ
เล่ห์ลมหวานหว่านลูบจูบประทับ
ตะวันดับร่วงรายตายตามกัน (เพรางาย)

ลู่ลมแรงแข่งขยับวับวาวไหว
ดอกก้านใบร่วงหล่นยลเพียงฉัน
ยืนต้นตายรายเรียงเคียงตะวัน
ถูกฝนพลัน ชูช่อดอก ออกเชยชม
  (ตะวันฉาย)

สะบัดพริ้วปลิวว่อนตอนลมพัด
ผลิดอกผลัดใบหล่นปนแสดส้ม
ลอยละลิ่วปลิวคว้างตามทางลม
สีแสดส้มพรมพื้นดื่นดาษตา (แงซาย)


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: วฤก ที่ 30 ธันวาคม 2009, 07:24:PM


  อยากให้คุณ  Webmaster  มาบอกวิธีการเล่นอักษร หรือที่เรียกว่า "กลบท-กลอักษร"น่ะครับ เพราะอยากรู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง และอีกอย่าง
  ผมไปหาแล้วมันมีแค่นิดเดียวเอง  ถ้าหาได้ก็ขอบคุณมากครับ แต่ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรครับ

  ด.ช.นนท์
   emo_54


(http://drnui.com/poempix/chomnok.jpg)

กลอนกลบทสะบัดสะบิ้ง


กำหนดให้คำท้ายวรรคเปลี่ยนเป็นคำซ้ำอักษรสองคู่

ตัวอย่างเช่นกลอนแปดเดิมนิยมแบ่งคำเป็น 000 00 000

เมื่อจะเขียนแบบกลบทสะบัดสะบิ้งสามคำหลังจะต้องเปลี่ยนเป็นคำซ้ำอักษรสองคู่ดังนี้ 000 00 XYXY
นั่นคือซ้ำอักษร X กับ Y

เมื่อขยายสามคำหลังเป็นคำซ้ำสองคู่แล้ว สามคำนี้จะอ่านได้ 4 พยางค์ ซึ่งอาจทำให้เสียงของวรรคกลอนเยิ่นเย้อไปได้
ดังนั้นท่านจึงนิยมให้ X เป็นลหุ หรือคำเสียงสั้น ส่วน Y ให้เป็นคำเสียงหนัก
เมื่อเขียนอย่างนี้แล้ว จังหวะการอ่านกลอนก็จะไม่ยืดยาดจนเกินไป


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ระนาดเอก ที่ 30 ธันวาคม 2009, 11:33:PM

หางนกยูงปลิดไป.. หัวใจหล่นตาม


หางนกยูงสีส้มโน้มกิ่งลู่
กลีบ,ละอองเรณูพรูไหวสั่น
สะบัดช่อพลิ้วลมพัดโรมรัน
ริ้วตะวันหลุบย้อมพร้อมกลีบเคว้ง (กชนันท์)

๐ ดอกสีส้มชูชันบานสลวย
ล่อภู่ผึ้งรื่นรวยด้วยสีเก่ง
พิศเกสรไกวก้านขานบทเพลง
วอนรวีอย่าเร่งเปล่งเดชา.. (ระนาดเอก)

ใจระรัวแอบพ้อเพราะหวาดหวั่น
มาศตะวันส่องระยับจับเกศา
หางนกยูงเบ่งบานเต็มม่านฟ้า
แล้วรักเราโรยราหรืออย่างไร?
(กชนันท์)

ปลิดกลีบส้มพรมพื้นยืนอดสู
รักที่ดูเจิดจ้าฟ้าสดใส
ชั่วพริบตาขั้วโยกโลกคว่ำใบ
เท้าของใครย่ำกดบดแหลกเลือน(เพรางาย)

แตะเพียงแผ่วแว่นกลีบยับลีบปรุ
พลันทะลุย่อยแหลกเยิ้มยางเฝื่อน
ฝากสีสันแสดแสบไว้แนบเตือน
เซ่นคนเถื่อน เปื้อนตมก่อนจมลับ (กชนันท์)


เหลือหลายดอกแย้มเยือนเรือนใบยอด
รอวันทอดพรมส้มลมขยับ
เล่ห์ลมหวานหว่านลูบจูบประทับ
ตะวันดับร่วงรายตายตามกัน (เพรางาย)

ลู่ลมแรงแข่งขยับวับวาวไหว
ดอกก้านใบร่วงหล่นยลเพียงฉัน
ยืนต้นตายรายเรียงเคียงตะวัน
ถูกฝนพลัน ชูช่อดอก ออกเชยชม
  (ตะวันฉาย)

สะบัดพริ้วปลิวว่อนตอนลมพัด
ผลิดอกผลัดใบหล่นปนแสดส้ม
ลอยละลิ่วปลิวคว้างตามทางลม
สีแสดส้มพรมพื้นดื่นดาษตา (แงซาย)
๐ ความรุจีอัศจรรย์โลกสรรค์สร้าง
ก็กระจ่างพร่างพื้นชื่นบุปผา
บ้างค่อยปลิดดอกร่วงควงหล่นมา
บอกเพลาเก่าก่อนไว้สอนใจ..(ระนาดเอก)

emo_12


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: Kotchanan ที่ 07 มกราคม 2010, 04:45:AM
(http://dl7.glitter-graphics.net/pub/68/68547cwg98wmzcn.gif) (http://www.glitter-graphics.com)


เพิ่มเติมคำอธิบายฉันทลักษณ์
เรื่อง : เสียงท้ายวรรคและการผันเสียงวรรณยุกต์ท้ายวรรค

 

วิธีใช้วรรณยุกต์ ในคำสุดท้ายของแต่ละวรรค


คำท้ายวรรค สดับ (วรรคหนึ่ง) ใช้ สามัญ เอก โท ตรี จัตวา ไม่นิยมสามัญ


คำท้ายวรรค รับ (วรรคสอง) ห้ามใช้ สามัญและตรี นิยมใช้ จัตวา เป็นส่วนมาก


คำท้ายวรรค รอง  (วรรคสาม) ใช้ สามัญ หรือ ตรี ห้ามใช้ เอก โท จัตวา


คำท้ายวรรค ส่ง (วรรคสี่) ใช้ สามัญหรือตรี ห้ามใช้ เอก โท จัตวา นิยมสามัญ



การผันเสียงวรรณยุกต์ท้ายวรรค

การแต่งกลอนแปดนั้น "การผันเสียงวรรณยุกต์ถือตามเสียง ไม่ใช่ถือตามวรรณยุกต์ที่ปรากฎ"..
เวลาลงเสียงท้ายวรรคแต่ละวรรค ผู้แต่งควรไล่เสียงในใจก่อน ก็จะได้คำและเสียงในใจทันที..
โดยเอาเสียงตามความเป็นจริง ไม่ถือรูปวรรณยุกต์ เพราะรูปวรรณยุกต์บางรูปเสียงอาจจะหลอก (อ้างอิงจากคุณระนาดเอก)

วิธีการไล่เสียงวรรณยุกต์

เสียงในภาษาไทยมีอยู่ ๕ เสียง คือ เสียงสามัญ  เสียงเอก  เสียงโท  เสียงตรี และเสียงจัตวา
เริ่มผัน ตัวอย่าง เช่น กา  ก่า  ก้า  ก๊า  ก๋า
ไตรยางค์พยัญชนะ ๔๔ ตัว  แบ่งเป็นอักษรสูง ๑๑ ตัว    อักษรกลาง  ๙ ตัว  และอักษรต่ำ  ๒๔ ตัว

สำหรับอักษรสูงพื้นฐานเป็นเสียงจัตวา
ส่วนอักษรกลางกับอักษรต่ำพื้นฐานเป็นเสียงสามัญ

ปัญหาอยู่ที่ว่า  สำหรับคนที่ใช้ภาษาถิ่น เช่นจังหวัดทางภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคอีสาน เมื่อผันเสียงอาจเพี้ยนได้

ขอนำเคล็ด(ไม่)ลับง่ายๆ  (จากหนังสือต้มยำทำกลอน)มาฝากค่ะ

วิธีเรียนลัดต้องจำไว้ก่อน (เข้าใจทีหลัง) โดยเฉพาะคำเป็นเท่านั้น 
ถ้าเป็นอักษรกลางผันด้วยรูปวรรณยุกต์อะไรต้องเป็นเสียงนั้นวันยังค่ำ
ส่วนอักษรต่ำ เช่น  คน  เติมรูปวรรณยุกต์โท (้) เป็นเสียงตรี (๊)    เติมรูปวรรณยุกต์เอก (่) เป็นเสียงโท (้)  เป็นต้น
ถ้าอักษรสูง เช่น ขอ เสียงจัตวา  เติมรูปวรรณยุกต์โท  เอก  ก็เป็นเสียงนั้นอยู่แล้ว


ขอขอบพระคุณเวปไซต์ http://www.st.ac.th/bhatips/glon.htm (http://www.st.ac.th/bhatips/glon.htm)
คำแนะนำเรื่องการผันเสียงวรรณยุกต์จากคุณระนาดเอก
และเคล็ดไม่ลับ..จากหนังสือต้มยำทำกลอน

และส่งท้ายด้วย


เพชรน้ำหนึ่ง
ประพันธ์โดย : ส. เชื้อหอม
(http://i242.photobucket.com/albums/ff298/akapong999/dookdik/linepattern/linenew/205.gif)


กลอนเก้าคำ จำไว้ ด้อยไพ"เราะ"   
เขียนให้"เหมาะ"  แปดคำ เพชรน้ำ"หนึ่ง"
แต่ละวรรค หนักแน่น ดุจแกน"กลึง"
กลอนจะ"ซึ้ง" ติดใจ และให้"คุณ"

คำสุดท้าย วรรคแรก แยกพิ"เศษ"
สามัญ"เขต" หวงห้าม ตามเกื้อ"หนุน"
ท้ายวรรคสอง ต้องรู้ อยู่เป็น"ทุน"
เอก-โท"จุน" จัต- วาประ"พนธ์"

ท้ายวรรคสาม วรรคสี่ นี้จำ"มั่น"
เสียงสา"มัญ" -ตรีใช้ ได้ทุก"หน"
สัมผัสซ้ำ จำจด งดปะ"ปน"
จงคิด"ค้น"  ถ้อยคำ ที่จำ"เป็น"

ไม้ไต่คู้ ใช้กับ ไม้ไต่"คู้"
เมื่อฟัง"ดู" เด่นดี ดั่งที่"เห็น"
เสียงสั้นยาว ก้าวก่าย หลายประ"เด็น"
อย่าบำ"เพ็ญ" พ้องกัน นิรัน"ดร"

อย่าเขียนให้ ใจความ ตามเพ้อ"นึก"
จงตรอง"ตรึก" ตระหนัก เรื่องอัก"ษร"
คติธรรม นำใส่ ให้สัง"วร"
รวมสุน"ทร" ถ้อยไว้ ให้งด"งาม"

จุดจบก็ ขอให้ กินใจ"หน่อย"
มิควร"ปล่อย" เปะปะ เหมือนสะ"หนาม"
จบให้เด่น เห็นชัด จำกัด"ความ"
ให้ตรง"ตาม" เค้าโครง เรื่องโยง"ใย"

เขียนเสร็จสรรพ กลับมา ตรวจตรา"ผิด"
ตรวจช"นิด" เรียงตัว ทั่วกัน"ใหม่"
เมื่อเห็นเพราะ เหมาะดี จี้หัว"ใจ"
จึงเผย"ให้" ประชา ชนตรา"ตรึง"

กลอนเก้าคำ จำไว้ ด้อยไพ"เราะ"
เขียนให้"เหมาะ" แปดคำ เพชรน้ำ"หนึ่ง"
แต่ละวรรค หนักแน่น ดุจแกน"กลึง"
ผู้อ่าน"จึง" จะชอบ ชมขอบ"คุณ".


(http://i242.photobucket.com/albums/ff298/akapong999/dookdik/linepattern/linenew/203.gif)


>> พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒    (http://rirs3.royin.go.th/dictionary.asp)

(http://dl7.glitter-graphics.net/pub/68/68547cwg98wmzcn.gif) (http://www.glitter-graphics.com)


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: วฤก ที่ 14 มกราคม 2010, 12:24:AM


  อยากให้คุณ  Webmaster  มาบอกวิธีการเล่นอักษร หรือที่เรียกว่า "กลบท-กลอักษร"น่ะครับ เพราะอยากรู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง และอีกอย่าง
  ผมไปหาแล้วมันมีแค่นิดเดียวเอง  ถ้าหาได้ก็ขอบคุณมากครับ แต่ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรครับ

  ด.ช.นนท์
   emo_54


(http://drnui.com/poempix/wanwanjai.jpg)

กลบท "ธงนำริ้ว"

กำหนดให้ซ้ำคำ สองคำแรกของทุกวรรคกลอนครับ


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: บ้านกลอนไทย ที่ 14 มกราคม 2010, 08:06:PM

กลอักษร….คมในฝัก
ตอน…ความรักของกา


(http://img117.imageshack.us/img117/6945/7466bp0.gif)

วิธีเขียน….. emo_12

๐ ใจสั่นเต้น  เมื่อได้พบ
ย่องเดินหลบ  แอบมองเขา
เร้นบังตัว  เหมือนเช่นเงา
เพียงได้เฝ้า  แค่เมียงมอง

๐ เธอสูงศักดิ์  เสมอฟ้า
เราเพียงกา  เคล้าความหมอง
รวยจนแบ่ง  ด้วยเงินทอง
ตาน้ำนอง  สิทธิ์กามี

๐ แอบเร้นบัง  แบบห่างห่าง
รักผิดทาง  ต่ำศักดิ์ศรี
ไม่หวังครอง  ใกล้คนดี
หักใจหนี ….ความรักกา

(http://img90.imageshack.us/img90/6379/123gifs006hn4.gif)
(http://img141.imageshack.us/img141/2599/513525co85bifxjw.gif)(http://img141.imageshack.us/img141/2599/513525co85bifxjw.gif)

ที่มา : กลอักษร (กน-อัก-สอน,กน-ละ-อัก-สอน) น. กลบทที่ซ่อนเงื่อนไว้ให้อ่านฉงน
เป็นการแต่งตามแบบฉบับกวีเก่าก่อน ซึ้งเวลาเขียนนิยมเขียนเป็นกลอนซ่อนรูป
 ผู้อ่านต้องใช้ความรู้และความคิด  จึงจะอ่านกลนั้นได้
ดังตัวอย่างย่อหน้าข้างบน  ซึ่งที่กล่าวมาเป็นการเล่นกลอักษร ชื่อว่า “คมในฝัก”  
วิธีการอ่าน….ในกลอักษรคมในฝักนี้ จะสังเกตเห็นว่าการอ่านจะลำดับคำดังนี้
ออกเสียงคำที่ ๑ ๒ ๓  / ๓ ๒ ๑ / ๗ ๘ ๙  เป็นอย่างนี้ทุกวรรคไป  จะได้ว่า….



๐ ใจสั่นเต้น เต้นสั่นใจ เมื่อได้พบ
ย่องเดินหลบ หลบเดินย่อง แอบมองเขา
เร้นบังตัว ตัวบังเร้น เหมือนเช่นเงา
เพียงได้เฝ้า เฝ้าได้เพียง แค่เมียงมอง

๐ เธอสูงศักดิ์ ศักดิ์สูงเธอ เสมอฟ้า
เราเพียงกา กาเพียงเรา เคล้าความหมอง
รวยจนแบ่ง แบ่งจนรวย ด้วยเงินทอง
ตาน้ำนอง นองน้ำตา สิทธิ์กามี

๐ แอบเร้นบัง บังเร้นแอบ แบบห่างห่าง
รักผิดทาง ทางผิดรัก ต่ำศักดิ์ศรี
ไม่หวังครอง ครองหวังไม่ ใกล้คนดี
หักใจหนี หนีใจหัก….ความรักกา

(http://img90.imageshack.us/img90/6379/123gifs006hn4.gif)


ในเว็ปบ้านกลอนไทยของเราก็มี สอนวิธีการแต่ง ซึ่งคุณนายอัณณ์ริน ได้ลงไว้
ลองศึกษาเพิ่มเติมได้ที่.. http://www.klonthaiclub.com/index.php/board,50.0.html (http://www.klonthaiclub.com/index.php/board,50.0.html)
หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์นะครับ….(..ผิดพลาดขออภัย….พึงตั้งใจมาเล่นกลอน.)..


ขอบพระคุณครับ........   emo_26

     emo_100 emo_76 emo_100
(http://img117.imageshack.us/img117/6945/7466bp0.gif)


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ระนาดเอก ที่ 22 มกราคม 2010, 02:19:PM

(http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_008.gif)

"เคล็ดลับที่พ่อแนะ?"



๐ วันที่พ่อชมกลอนแล้วป้อนแหย่
ถ้อยหวานแต่คารมไม่คมสัน
ดั่งลิเกออดอ้อนกลอนรำพัน
คำรักนั้นไม่ขลังช่างเลื่อนลอย

๐ กลอนแกว่งไปแกว่งมาหน้าตาสวย
ข้างในป่วยบางคราเนื้อหาด้อย
เดินเรื่องโยก..วกวน!คนอ่านพลอย-
งงในถ้อยขบขันฝันชอบกล

๐ เขียนเดินหน้านะลูก?..ผูกเรื่องไว้
สร้างโยงใยพร้อมเกริ่นดำเนินผล
หยิบทุกคำมาเรียงเยี่ยงใจตน
คิดแทนคนนั่งอ่านงานของเรา

๐ เหมือนชมนกชมไม้ไปเรื่อยเรื่อย
ค่อยค่อยเลื้อยมัดใจใครใครเขา
เพียรสอดแทรกแจกคำพร่ำบางเบา
กลอนจะเข้าสู่จิตผู้พิศงาน

๐ อย่าเพ้อเจ้อนอกทางที่วางไว้
จะตัดทอนกลอนได้ในความหวาน
บรรยายเรื่องอย่าขัดวัตรแห่งกานท์
เกี่ยวสมานด้วยศิลป์จินตนา

๐ จะบรรยายเรื่องใดจับให้มั่น
ยึดแล้วกลั่นตามแนวแพรวคุณค่า
รักก็รักให้หวานซ่านอุรา
เศร้าก็เศร้าจนคว้าผ้าเช็ดนัยน์

๐ แล้วอย่าโยงล้นหลากจนมากเรื่อง
ปล่อยคำเปลืองนุงนังพลั้งเหลวไหล
ถ้อยประดิษฐ์จะหม่นผลเปลี่ยนไป
หากเราไม่คุมเรื่องก็เปลืองแรง..

ระนาดเอก

emo_12


(http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_008.gif)


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘) ปล.สมาชิกที่สนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ระนาดเอก ที่ 16 มีนาคม 2010, 10:28:PM


..ผมอยากให้สมาชิกทุกท่าน..ที่มีความสนใจในการเขียนกลอนสุภาพ(กลอนแปด)..
..ได้เข้ามาตักตวงความรู้จาก ข้อมูลตรงนี้ครับ..
..ซึ่งข้อมูลทั้งหลายที่ผมนำมาเผยแพร่นี้..
..เป็นข้อมูลที่มีประโยชน์..เหมาะสำหรับ..ทุกๆท่านที่มีความสนใจในการเขียนกลอนแปด..ซึ่งเป็นกลอนตลาดเขียนกันอย่างแพร่หลาย..
..แต่หลายๆท่านในที่นี้ บางท่านก็อาจหลงลืมกฎเกณฑ์ในการเขียน..เช่น เกล็ดเล็กๆน้อยๆในการเขียน..
..ประเภท.."สัมผัสซ้ำ" , "ชิงสัมผัส" หรือ "สัมผัสเลือน" ฯลฯ ซึ่งเป็นพื้นฐานแรกของ การเขียนกลอนแปด ที่ทุกๆท่านควรจะทราบครับ..
..เนื้อหาดังกล่าวนี้..ก็เป็นข้อมูลพื้นฐาน ที่ถือว่าเป็นมาตราฐานของทางวงการกลอนไทย..
..และก็เป็นมาตราฐานหนึ่ง..ซึ่งทางสมาคมฯหรือทางชมรมต่างๆ ในวงการกลอน..
..ได้ใช้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาตัดสินผลงานกลอนที่ได้ส่งเข้าประกวด..ตลอดจนนิตยสารบางเล่ม ที่พิจารณาผลงานของทุกๆท่านเพื่อลงตีพิมพ์ด้วยครับ..

..ซึ่งข้อมูลดังกล่าวมาจาก..หนังสืออ้างอิง:
๑. "เรียงร้อยถ้อยคำ" โดย เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ และ วาณิช จรุงกิจอนันต์
๒. "กลอนสัมผัสใจได้อย่างไร" โดย วาสนา บุญสม..ครับ!


กลอนสุภาพ

ผมสังเกตเห็น นักกลอนสมัครเล่น รุ่นใหม่ๆ หลายๆคน ที่เมื่อเริ่มต้น เขียนกลอนแปด มักจะลืมเลือน หรือไม่ทราบถึง กฏเกณฑ ์ทางฉันทลักษณ์ และไม่สามารถแยกแยะ เสียงกับจังหวะ ของกลอนสุภาพ ที่ถูกต้องได้ จึงได้ทำการค้นคว้า
 และรวบรวม เป็นข้อเสนอแนะ สำหรับนักกลอนรุ่นใหม่ๆ ให้อ่าน และทำความเข้าใจ ถึงลีลาและชั้นเชิงใน การเขียนกลอนสุภาพ ให้ไพเราะ และสัมผัสใจคนอ่าน โดยจะพยายาม อ้างอิงจาก ท่านผู้รู้ในเชิงกลอน ให้มากที่สุด

ข้อบังคับในกลอนสุภาพ

๑ คณะ กลอนสุภาพแต่ละบท จะมี ๒ บาท แต่ละบาทจะมี ๒ วรรค แต่ละวรรค จะมี ๘ คำ (ตามปกติ ให้ใช้คำได้ ระหว่าง ๗ - ๙ คำ) ดังตัวอย่าง

กลอนสุภาพแปดคำประจำบ่อน                <-  วรรคสดับ
อ่านสามตอนทุกวรรคประจักษ์แถลง        <-  วรรครับ
ตอนต้นสามตอนสองสองแสดง                <-  วรรครอง
ตอนสามแจ้งสามคำครบจำนวน              <-  วรรคส่ง

     บาทที่ ๑ เรียกว่า บาทเอก มี ๒ วรรค คือ วรรคสดับ(วรรคสลับ) และวรรครับ
     บาทที่ ๒ เรียกว่า บาทโท  มี ๒ วรรค คือ วรรครอง และวรรคส่ง

๒ สัมผัส มี ๒ อย่างคือสัมผัสนอก และสัมผัสใน สัมผัสนอกนั้น เป็นข้อบังคับที่ต้องใช้ ดังรูป ส่วนสัมผัสใน ใช้เพื่อ ให้กลอนนั้น มีความไพเราะ มากขึ้น

การใช้ สัมผัสนอก เป็นเรื่องที่ทุกคน ทราบดี อยู่แล้ว เพียงแต่ ที่เคยเห็น นักกลอนมือใหม่ บางคน มักจะไม่ส่งสัมผัส ระหว่างบท คือส่งจาก คำสุดท้าย ในวรรคสุดท้าย ไปยังคำสุดท้ายในวรรคที่สอง ของบทต่อมา  และสัมผัสนอกนั้น จะใช้สัมผัสสระ
 ที่เป็นเสียงเดียวกัน ความผิดพลาด ที่มักจะพบเห็น คือใช้สัมผัสสระ เสียงสั้นกับเสียงยาว ทำให้กลอน บทนั้นเสียไปทันที เช่น ไม้ สัมผัสกับ วาย  , สันต์ สัมผัสกับ วาร  เป็นต้น..

ส่วนการใช้สัมผัสใน มีได้ทั้งสัมผัส สระและอักษร การใช้สัมผัสใน อันไพเราะ ตามแบบอย่าง ของสุนทรภู่ มักจะใช้ ดังตัวอย่าง

๐ เหมือนหนุ่มหนุ่มลุ่มหลงพะวงสวาท
เหลือร้ายกาจกอดจูบรักรูปเขา
ครั้นวอดวายตายไปเหม็นไม่เบา
เป็นหนอนหนองพองเน่าเสียเปล่าดาย..
               "สุนทรภู่" สิงหไตรภพ

สังเกตได้ว่า สุนทรภู่ มักจะใช้ สัมผัสใน ที่คำที่ ๓-๔ และคำที่ ๕-๗ และมักจะใช้ รูปแบบเช่นนี้ เป็นส่วนมาก ในบทประพันธ์ 
บางตำแหน่งที่ไม่สามารถใช้สัมผัสสระได้ ก็อาจจะใช้สัมผัสอักษรแทน

๓ เสียง คำสุดท้าย ในแต่ละวรรค ของกลอน มีข้อกำหนด ในเรื่องเสียง ของวรรณยุกต์  เป็นตัวกำหนดด้วย การกำหนดเรื่องเสียงนี้
ถือว่าเป็นข้อบังคับ ทางฉันทลักษณ์ อย่างหนึ่ง ของกลอนแปด หรือกลอนสุภาพ อันมีข้อกำหนด ดังต่อไปนี้..

๑. คำสุดท้ายวรรคที่ ๑ (วรรคสดับ) ใช้ได้ทุกเสียง แต่ไม่ค่อยนิยมใช้เสียงสามัญ
๒. คำสุดท้ายวรรคที่ ๒ (วรรครับ) ต้องใช้เสียงเอก โท หรือจัตวา นิยมใช้เสียงจัตวา ห้ามใช้เสียงสามัญและตรี
(บางท่านก็อนุโลมให้ใช้เสียงตรีได้แต่ไม่นิยม)
๓. คำสุดท้ายวรรคที่ ๓ (วรรครอง) ต้องใช้เสียงสามัญ หรือเสียงตรี  ที่นิยมที่สุดคือเสียงสามัญ ห้ามใช้เสียง เอก โท และจัตวา
๔. คำสุดท้ายวรรคที่ ๔ (วรรคส่ง) ต้องใช้เสียงสามัญหรือตรี ที่นิยมมากที่สุดคือเสียงสามัญ ห้ามใช้เสียงเอก โท และจัตวา..

สิ่งที่พึงระวัง ในการใช้สัมผัส มากเกินไป จนลืมความหมาย สำคัญหลัก อันเป็นเรื่องราว ของกลอนนั้นๆ
ก็จะทำให้ กลอน ดูไม่เป็นธรรมชาติ ไม่มีความหมายที่ลึกซึ้งกินใจ
ท่านอาจารย์ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ เคยกล่าวไว้ว่า "ถ้าหลงใหลถือเคร่งกับสัมผัสคำมากเกินไป ก็ทำให้เกิด คำด้าน ขึ้นมาได้"
"คำด้าน" คือสำนวนที่มีแต่ "สัมผัสคำ" แต่ไม่ "สัมผัสใจ" นั่นเอง..

๔ จังหวะ ในกลอนสุภาพมักจะแบ่งกลุ่มคำออกเป็น ๓ ช่วงจังหวะ คือ ooo oo ooo เป็นกลุ่มแบบ ๓-๒-๓ 
บางท่าน อาจจะแบ่ง เป็นอย่างอื่น ก็ได้เช่น oo oo ooo (๒-๒-๓) , oo ooo ooo (๒-๓-๓) , ooo ooo oo (๓-๓-๒) 
หรือใช้หลายๆแบบที่กล่าวมานี้ผสมกัน แต่รูปแบบ ๓-๒-๓ เป็นมาตรฐานที่นิยมกันมากที่สุด ใช้มาตั้งแต่สมัยโบราณ
โดยเฉพาะในกลอนของ สุนทรภู่ ดังตัวอย่าง

๐ เมื่อเคราะห์ร้าย-กายเรา-ก็เท่านี้
ไม่มีที่-พสุธา-จะอาศัย
ล้วนหนามเหน็บ-เจ็บแสบ-คับแคบใจ
เหมือนนกไร้-รังเร่-อยู่เอกา..

การยึดจังหวะ เช่นนี้รวมกับ การใช้สัมผัสใน แบบท่านสุนทรภู่ เป็นหลักการ มาตรฐาน ที่มักจะ ทำให้กลอน ไพเราะ สละสลวย ได้โดยง่าย
แต่ก็พึงระวัง การแบ่งจังหวะ แบบที่ฝืน จนต้องฉีกคำ เช่น เที่ยวสวนส-นุกอ-เนกประสงค์ ซึ่งทำให ้กลอนนั้น อ่านไม่ได้จังหวะ ดังที่ต้องการ
และอาจทำให้ กลอนเสีย ทั้งบทได้

๕. ข้อควรหลีกเลี่ยงในการเขียนกลอน

ข้อควรหลีกเลี่ยงนี้ เป็นเพียง ข้อแนะนำ (ส่วนตัว) มิใช่กฏเกณฑ์ ตายตัว ที่ต้องปฏิบัติตาม อย่างเคร่งครัด
เพียงแต่ ถ้าสามารถ ปฏิบัติตาม ข้อควรระวัง เหล่านี้แล้ว จะทำให้กลอน ดูสละสลวย และถูกต้อง ตามความนิยม ของกวีสมัยก่อนๆ
และมิใช่วิธีการ ในการประเมิณค่า ของบทประพันธ์ แต่อย่างใด ถ้าใครสามารถ ยึดถือไว้ เป็นหลัก ในการแต่งกลอน ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี

    ๕.๑ ไม่ควรใช้คำไม่สุภาพ, คำหยาบต่างๆ  มาใช้ เช่น เสือก, ตูด, ถุย ฯลฯ, คำแสลงเช่น มหา'ลัย, แม่ง ฯลฯ  เป็นต้น

    ๕.๒ ไม่นำคำเสียงสั้น กับเสียงยาว มาสัมผัสนอกกัน  อย่างที่เคย กล่าวมาแล้ว ในเรื่องสัมผัส การกระทำ เช่นนี้
ถือว่าเป็นความผิดพลาด ทางฉันทลักษณ์โดยตรง โดยให้ดูที่รูปสระนั้นๆ เป็นหลักเช่น รัก สัมผัสกับ มาก, ใจ สัมผัสกับ วาย,
คน สัมผัสกับ โดน  , เก้า สัมผัสกับ ท้าว, เก็น สัมผัสกับ เขน  ฯลฯ เป็นต้น ดังตัวอย่าง..

๐ ศึกสิงห์เหนือเสือใต้ในวันนี้
ขอสตรีร่วมบทบาทชาติสุขศานต์
ตาร้อยคู่ตาคู่เดียวเกี่ยวร้อยกัน
สงครามนั้นจักสงบเลิกรบรา..

    ๕.๓ ไม่ชิงสัมผัสก่อน  ในการใช้คำสัมผัสนอกกันนั้น พึงระวังมิให้มีคำที่เป็นเสียงสระเดียวกัน กับคำที่จะใช้สัมผัสปรากฏก่อน คำสัมผัส ในวรรคเดียวกัน
เช่น..

๐ จะไหวตัวกลัวเชยเลยลองนิ่ง
เขากลับติงว่านั่น มันเชยใหญ่
อะไรอะไรก็ตะบันไป
ทำฉันใดหนอพ้นเป็นคนเชย..

การกระทำเช่นนี้ จะทำให้กลอนด้อย ความไพเราะ ในเชิง คำสัมผัส เพราะมีการ ชิงสัมผัส กันก่อน

    ๕.๔ ไม่สัมผัสเลือน  มักปรากฏอยู่ในวรรค รับ (ที่ ๒) และวรรคส่ง (ที่ ๔) คือมีการใช้คำ สัมผัส ภายในวรรค เดียวกัน ในคำที่ ๓, ๕ และ ๘ เช่น

๐ ถึงฤกษ์เรียงเคียงหมอนเมื่อตอนดึก
กลับรู้สึกหนาวสั่นขันไหมเล่า?
ใครไม่เคยเข้าหออย่าล้อเรา
ถึงตัวเข้าบ้างคงหนาวเหมือนกล่าวเอย..

จะเห็นได้ว่า คำว่า หนาว กับ กล่าว นั้น เป็นสัมผัสใน ที่ถูกต้องแล้ว แต่ดันไปสัมผัส กับคำว่า เข้า ก่อนหน้านี้อีก จึงติดเงื่อนไข การใช้สัมผัสเลือนไป..

    ๕.๕ ไม่สัมผัสซ้ำ มี ๒ ประเภทคือ

    ก. สัมผัสซ้ำแบบ "พ้องรูปและเสียง" คือเป็นการใช้คำสัมผัส เป็นคำเดียวกัน ซ้ำภายในบทกลอนบทดียวกัน  หรือบทติดๆกัน เช่น..

๐ ช่างกำเริบเสิบสานทหารชั่ว
อย่างเป็นผัวนางนี่ร้อยตรีสาว
วันัยอ่อนหย่อนดื้อแถมมือกาว
พบนายสาวไม่คำนับเข้าจับตัว..

    ข. สัมผัสซ้ำแบบ "พ้องเสียง" คือเป็นการใช้คำสัมผัส เป็นคำพ้องเสียง ซ้ำภายในบทกลอนบทดียวกัน  หรือบทติดๆกัน เช่น..

๐ ชีวิตเลือกเกิดมิได้ใครก็รู้
ต้องดิ้นรนต่อสู้อุปสรรค
ทำให้ดีที่สุดอย่าหยุดพัก
ทางสู่ศักดิ์ศรีแม้ไกลเหมือนใกล้กัน..

    ๕.๖ ไม่ควรใช้คำศัพท์โบราณ มาใช้มาก เกินความจำเป็น   เนื่องจากคำเหล่านี้ ต้องแปลความหมาย ซึ่งคนส่วนมาก ไม่ทราบความหมาย เหล่านั้น ทำให้กลอน อ่านแล้ว ทำความเข้าใจ ได้ยากขึ้น เช่น..

๐ สรวงสวรรค์ชั้นกวีรุจีรัตน์
ผ่องประภัศร์พลอยหาวพราวเวหา
พริ้งไพเราะเสนาะกรรณวัณณนา
สมสมญาแห่งสวรรค์ชั้นกวี
๐ อิ่มอารมณ์ชมสถานวิมานมาศ
อันโอภาสแผ่ผายพรายรังสี
รัศมีมีเสียงเพียงดนตรี
ประทีปทีฆะรัสสะจังหวะโยนฯ..

    ๕.๗ ไม่นำคำเฉพาะที่เป็นคำคู่ มาสลับหน้าหลังกัน  เพราะจะทำให้ ความหมายเปลี่ยนไป หรือ สูญสิ้นความหมาย ของคำนั้นๆไปได้  เช่น..

ขุกเข็ญ เขียนเป็น เข็ญขุก  
งอกงาม เขียนเป็น งามงอก  
ลิดรอน เขียนเป็น รอนริด
หุนหัน เขียนเป็น หันหุน  
ว้าเหว่ เขียนเป็น เหว่ว้า  
ย่อยยับ เขียนเป็น ยับย่อย
ทักทาย เขียนเป็น ทายทัก  
บดบัง เขียนเป็น บังบด  
งมงาย เขียนเป็น งายงม  
ร่ำรวย เขียนเป็น รวยร่ำ
ชั่วช้า เขียนเป็น ช้าชั่ว  

การใช้คำสลับกันเช่นนี้ อาจจะทำให้กลอน ที่ไพเราะ ด้อยคุณค่า ลงได้ เช่น..

๐ แค้นมีหนอนบ่อนไส้ใจไม่ซื่อ
เป็นเครื่องมือเบียนเบียดช่วยเหยียดหยาม
มันขายชาติช้าชั่วมิกลัวความ
หายนะรุกรามเข้าทำลาย..

    ๕.๘ ไม่ควรให้คำสัมผัสนอก  ซ้ำภายในวรรคเดียวกัน  เช่น..

พวกเราเหล่าทหารชาญสนาม
ไม่ครั่นคร้ามใครว่าหรือมาหยาม
จะยืนหยัดซัดสู้ให้รู้ความ
ดังนิยามเชิงเช่นผู้เป็นชาย..

    ๕.๙ ไม่ลอกเลียนหรือละเมิดลิขสิทธิ์ บทประพันธ์ของผู้อื่น  นอกจาก จะผิดกฏหมาย พระราชบัญญัติ ลิขสิทธิ์แล้ว ยังเป็นการผิด จรรยาบรรณ อีกด้วย จึงควรระวัง ไม่ลอกบทประพันธ์ ของผู้อื่นอย่างจงใจ เช่น..

กลอนที่ชื่อว่า "ขอ" ของ เอก หทัย เขียนไว้ว่า..

๐ ขอเธอมีรักใหม่อย่าให้รู้
และถ้าอยู่กับใครอย่าให้เห็น
ให้ฉันเถอะ  ขอร้องสองประเด็น
แล้วจะเป็นผู้แพ้อย่างแท้จริง..

มีผู้นำไปแปลงใหม่ แล้วให้ชื่อว่า "วันนี้ที่รอคอย" ดังนี้..

๐ ขอเธอมีผัวใหม่บอกให้รู้
และเลือกคู่หล่อกว่าพี่อย่างที่เห็น
พินัยกรรมใบหย่าอย่าลืมเซ็น
แล้วจะเป็นโสดตอนแก่อย่างแท้จริง..



*** หนังสืออ้างอิง:
๑. "เรียงร้อยถ้อยคำ" โดย เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ และ วาณิช จรุงกิจอนันต์
๒. "กลอนสัมผัสใจได้อย่างไร" โดย วาสนา บุญสม


--------------------------------------------------------------------------------

..จากใจระนาดเอกครับ..

emo_25


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: saowarose ที่ 28 มีนาคม 2010, 05:54:PM
ผมมาใหม่นึกคึกมาฝึกเขียน
อยากจะเรียนจะรู้ตามครูสอน
เสาวรสพากเพียรจะเขียนกลอน
ผมเด็กอ่อนฝากพี่ช่วยติชม

ผมหลงใหลในกลอนเป็นยิ่งนัก
ติดกับดักเข้าแล้วสิครับผม
แม้ว่ากลอนผมหนาไม่น่าชม
ไม่เหมาะสมใคร่ขอคำแนะนำ


 emo_85 แหะๆ ผมตั้งใจสุดชีวิตเลยครับ ไม่ไพเราะอย่างไรก็ขออภัยด้วยครับ ไม่ถูกต้องอย่างไรช่วยแนะนำว่ากล่าวตักเตือนผมด้วยนะครับ  emo_111


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: บ้านกลอนไทย ที่ 28 มีนาคม 2010, 06:20:PM

(http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_017.gif)

๐ หลากคำล้วน มวลกลอน สะท้อนพจน์
งามปรากฏ บทกานท์ ที่หวานฉ่ำ
ต้องออกจาก รากจิต ค่อยคิดคำ
แล้วร่ายรำ พร่ำไป ตามใจเรา

๐ กลอนเจ้าชายฯ ร่ายเรียง ใกล้เคียงแล้ว
สาดส่องแวว ว่าแน่ มาแต่เก่า
เพียงต้องฝึก ศึกษา วิชาเอา
ไม่นานเนา เข้าที…กวีกลอน




แบบว่า…เป็นกำลังใจให้ครับ

    emo_12
(http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_017.gif)




หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: saowarose ที่ 28 มีนาคม 2010, 06:34:PM
ขอบคุณหนุ่ม นะโม มากเลยครับ
ได้สดับ ดีใจ มากนักหนา
ผมจะตั้ง ใจครับ ผมสัญญา
เรียนวิชา กับครู บ้านกลอนไทย

เพราะที่นี่ มีกลอน ที่ไพเราะ
ผมชมเปาะ ในคำ ที่ลื่นไหล
ขอบคุณอีก ครั้งครับ กับน้ำใจ
ที่มอบให้เจ้าชายเสาวรส


ขอบคุณมากๆเลยครับพี่หนุ่มนะโม ผมซาบซึ้งจังเลยครับ กลอนของพี่เพราะมากๆเลยครับ ชี้เเนะผมด้วยนะครับ emo_79


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ไพร พนาวัลย์ ที่ 30 มีนาคม 2010, 01:01:AM

(http://img717.imageshack.us/img717/2489/borders06444444.gif)

ขอขอบคุณ ทีมงาน บ้านกลอนไทย
ชี้แนะจน เข้าใจ ในวิถี
การแต่งกลอน ถูกต้อง ตามกวี
ทำให้มี บทเรียน ดั่งเทียนชัย

 emo_55

“ปรางค์  สามยอด”


(http://img696.imageshack.us/img696/627/2669328pz3wtfer5k.gif)


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ..ทักษมน.. ที่ 01 เมษายน 2010, 01:27:AM
คารวะ.....ท่านอาจารย์
จะคุกเข่า....จนท่านรับข้าฯเป็นศิษย์
[/color]

(โพ โพ)


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ธาตรี พฤกษา ที่ 01 เมษายน 2010, 09:28:AM
ท่านคารวะผู้ใดครับ...


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: คนไร้ค่า ที่ 01 เมษายน 2010, 10:36:PM
ถึงคิดฝาก จากใจ หวั่นไหวฉัน...(อ่านถอยหลัง).......ฉันหวั่นไหว ใจจาก ฝากคิดถึง
รองรอยร้าว หนาวเหน็บ จึงเจ็บตรึง....................ตรึงเจ็บจึง เหน็บหนาว ร้าวรอยรอง

จ้องจันทร์เจ้า เปล่าเปลี่ยว ดายเดียวหมาย........................หมายเดียวดาย เปลี่ยวเปล่า เจ้าจันทร์จ้อง
รอคนไกล หายห่าง หมองทางมอง................................มองทางหมอง ห่างหาย ไกลคนรอ

ขอเก็บเศษ เช็ดโศก เกลาโลกเหงา...............................เหงาโลกเกลา โศกเช็ด เศษเก็บขอ
ใจเหว่ว้า พาตัว ท้อกลัวพอ........................................พอกลัวท้อ ตัวพา ว้าเหว่ใจ

ใส่หวังฝัน มั่นหมาย ดูคล้ายอยู่...................................อยู่คล้ายดู หมายมั่น ฝันหวังใส่
เพียงพอแล้ว แน่วแน่ ใครแพ้ไป..................................ไปแพ้ใคร แน่แน่ว แล้วพอเพียง

เสียงใบไม้ ร่ายพัด ยังชัดฟัง......................................ฟังชัดยัง พัดร่าย ใบไม้เสียง
เรากล่อมชื่น คลื่นลม เอียงตรมเคียง .............................เคียงตรมเอียง ลมคลื่น ชื่นกล่อมเรา

เหงาใจยิ่ง จริงแท้ มีแค่นี้.........................................นี้แค่มี แท้จริง ยิ่งใจเหงา
รักหรือนี่ ที่หวัง เศร้าบางเบา......................................เบาบางเศร้า หวังที่....."นี่หรือรัก?"

ธาตรี  พฤกษา...
 

กลัว งง ครับ เลยต่อตรงท้ายให้ เขียนถอยหลังให้อ่านเลยครับ จะได้สะดวกในการอ่าน.......

ฝีมือท่าน เก่งกล้า ถึงเพียงนี้
ยังอุตส่าห์ ปรานี มาปราศัย
คารวะ ข้าน้อย ละอายใจ
ด้วยฝีมือ ไม่มีค่า พอคู่ควร

อยากจะขอ คารวะ ผู้กล้าเก่ง
มินักเลง ใจอ่อนน้อม มิผกผวน
มีน้ำใจ ต่อน้อง มีแปรปรวน
ความทั้งมวล ข้ากลั่นกรอง ออกจากใจ

อยากให้ท่าน ถือตน ดังพี่ข้า
จักสั่งสอน หรือติว่า เชิญปราศัย
ขออย่า คารวะ ข้า ละอายใจ
วางตัวใหม่ เถิดหนา พี่ข้าเอย


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมสีขาว ที่ 04 เมษายน 2010, 05:24:PM
งานกวีดี มีถ้อย ร้อยคำฝัน
เกิดจากคำ ประพันธ์ อันสดใส
ซึ่งกลั่นออก มาจาก ห้องจิตใจ
ส่องประกาย งามไสว ในอุรา

อย่ารีบเร่ง แต่แรก กลบท
เดี๋ยวสลด ปลดไป สิ้นใจหา
ด้วยเพราะคำ ที่ใช้ พร่ำออกมา
กลับย้อนฆ่า ตัวเอง ข่มเหงกัน

จงใช้ใจ ใส่อาภรณ์ ป้อนสัมผัส
เป็นบรรทัด จัดเติม เพิ่มสีสัน
เมื่อชำนาญ ค่อยประดับ แก้วอำพัน
เติมใส่ฝัน กลบท กฏหลักการ

กลอนจะงาม กานท์จะเพราะ เสนาะจิต
จงลิขิต "ด้วยใจ" ใส่ประสาน
อย่าได้ยึด ถือเหตุผล จนซมซาน
เดี๋ยวจะเสีย คำหวาน ผสานทรวง

หากแต่ใช่ ใช้ใจ ใฝ่ลงลักษณ์
แล้วทิ้งผลัก เหตุผล ไม่สนหวง
คงจะน่า เสียดาย ความหมายลวง
เมื่องานถ่วง สองข้าง ไม่เท่ากัน


เคยมีคนบอกมาว่า คนที่ใช้อารมณ์ในการทำสิ่งต่างๆนั้น มักจะถูกมองว่าไร้เหตุผล
แต่ขณะเดียวกัน คนที่ใช้แต่เหตุผลทำสิ่งต่างๆ ก็มักจะถูกมองว่าไร้จิตใจเช่นกัน


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ธาตรี พฤกษา ที่ 04 เมษายน 2010, 10:40:PM
"เมื่อเราอาจหาญที่จะเขียนร้อยกรองที่มีบังคับแล้ว  จะไปกลัวอะไรกับกลบทที่แค่มีบังคับมากขึ้น"   

เชษฐภัทร


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: เพรางาย ที่ 28 มิถุนายน 2010, 10:06:AM
เขียดใต้บัว (กลอน ๗)

ซ่อนตัวอยู่ใต้ใบบัวเขียว
นั่งอยู่ตัวเดียวเมื่อวันก่อน
อาศัยน้ำอ่างล้างความร้อน
ยึดเป็นที่นอนที่พักพิง

สัปดาห์ผ่านไปไม่เห็นตัว
อ่างใหม่ใต้บัวเห็นเกาะนิ่ง
เจ้าได้เพื่อนใหม่มาแอบอิง
เพื่อนหญิงหรือชายไม่ยักรู้

ค่ำลงเห็นแมวเที่ยวมุดซุก
ข้างอ่างไล่รุกค้นหาอยู่
คว้าแมวเข้าบ้านปิดประตู
กลัวเขียดดวงจู๋อยู่ไม่นาน



หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: แงซาย ที่ 28 มิถุนายน 2010, 03:08:PM
เขียดใต้บัว (กลอน ๗)

ซ่อนตัวอยู่ใต้ใบบัวเขียว
นั่งอยู่ตัวเดียวเมื่อวันก่อน
อาศัยน้ำอ่างล้างความร้อน
ยึดเป็นที่นอนที่พักพิง

สัปดาห์ผ่านไปไม่เห็นตัว
อ่างใหม่ใต้บัวเห็นเกาะนิ่ง
เจ้าได้เพื่อนใหม่มาแอบอิง
เพื่อนหญิงหรือชายไม่ยักรู้

ค่ำลงเห็นแมวเที่ยวมุดซุก
ข้างอ่างไล่รุกค้นหาอยู่
คว้าแมวเข้าบ้านปิดประตู
กลัวเขียดดวงจู๋อยู่ไม่นาน



ซ่อนตนทนเหงารอเจ้าหญิง
เกาะนิ่งอิงใบไม่อาจหาญ
โชคดีเปลี่ยนผันเมื่อวันวาน
พบท่านใจดีมีเมตตา

ต้องมนต์คำสาปกำราบไว้
หวังได้ใครดลพ้นปัญหา
ถึงคราวพ้นช่วงบ่วงมายา
เหมียวมาคลายมนต์จึงพ้นเวร


หัวข้อ: ~ระวังคำ"สัมผัสซ้ำ"กันนะจ๊ะ..น้องรัก?~
เริ่มหัวข้อโดย: ระนาดเอก ที่ 22 สิงหาคม 2010, 04:53:PM

(http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_007.gif)

~ระวังคำ"สัมผัสซ้ำ"กันนะจ๊ะ..น้องรัก?~



๐ เขียนกลอนเพลินมีสุขลืมฉุกคิด
กลั่นประดิษฐ์ถ้อยฝันยันรุ่งสาง
เขียนสะสมเป็นปีมิเว้นวาง
ผ่านเส้นทางหมื่นบทพจน์กวี

๐ ใส่ความฝันสรรแต่งแฝงข้อคิด
เนรมิตปรุงรสงดงามถี่
นั่งนอนอ่านครั้งใดไฟทวี
โดยไม่มีผู้ใดใคร่ติชม

๐ ยามที่ฝันพร่างพรายเป็นสายม่าน
พลิ้วของกานท์ก็ฟ้อนอ่อนสุขสม
โลกแห่งฝันทะยานซ่านอารมณ์
ฝากคำคมคำรักทักโลกา

๐ วันสำคัญศักดิ์ศรีของชีวิต
รวบรวมถ้อยลิขิตพิศคุณค่า
เป็นหนังสือของขวัญอันชื่นตา
หรือออกขายสู่หล้าประชาชน

๐ อาจจะเจอผู้รู้ครูงานถ้อย
ติเตียนงานร่องรอยงานพลอยหม่น
กฎข้อห้ามพื้นฐานพานชอบกล
เขียนวกวนจนติดพ่นพิษงาน

๐ สัมผัสซ้ำกลอนแปดแผดแผลงฤทธิ์
ทั้งชีวิตเริงรื่นชื่นถ้อยสาร
ส่งประกวดหนังสือสื่อผลงาน   
กรรมการเพ่งพิศ..อาจปิดใจ..


ปล.คำว่า"วี"ด้านบน..กับคำว่า"งาน"คือตัวอย่างหนึ่ง ที่เป็นคำ"สัมผัสซ้ำ"ที่เป็นข้อห้ามจ้ะ..
..คำที่เราได้ใช้รับ-ส่งสัมผัสไปแล้ว (ในกลอนสั้นที่ไม่เกิน ๖ บท) ให้ใช้เพียงแค่ครั้งเดียวจ้ะ น้องๆระวังกันให้มากๆนะจ๊ะ..
..และพี่มีลิงค์ที่น่าสนใจแนบมาให้ด้วย..

http://www.st.ac.th/thaidepart/undo_1.php (http://www.st.ac.th/thaidepart/undo_1.php)

..จากใจ..พี่ระนาดเอกจ้ะ..


emo_25


(http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_007.gif)


(http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_008.gif)

"แด่..ศิษย์มีครูทุกท่านครับ?"



๐ เส้นทางกลอนอ่อนถ้อยปล่อยใจเขียน
สร้างคำเนียนเพียรแต่งใจแจ้งอยู่
สรรหาคำล้ำลึกตรึกตรองดู
เนื้อหาหรูสู่ใจผู้ใคร่ชม

๐ รักษ์ในศิลป์จินตนาตั้งหน้าสื่อ
จิตใสซื่อบริสุทธิ์รุจ..คารม(งามสม)
ลืมศึกษาเสียงศิลป์ถิ่นนิยม
แต่งระดมปิดใจ..ไกลอาจารย์

๐ ฝากฝีมือสื่อเพี้ยนเขียนเผยแพร่
ก็รังแต่ใครพบสบถ้อยกานท์ (สาร)  
พิศที่ไรใครตรองต้องรำคาญ
นำลูกหลานตามอย่าง..ทางลงคลอง

๐ บรรพชนคนเก่าผู้เฒ่าแก่
ท่านคิดค้นดีแท้..และน่าลอง(แก่เราผอง)
ช่วยกันสืบศิลป์ไทยให้เรืองรอง
อนุชนควรตรอง..สนองตาม

๐ เริ่มง่ายง่ายใส่ใจใฝ่เรียนรู้
ค้นคว้าดูครูศิลป์..จินต์งดงาม (ถิ่นสยาม)
เรียนรู้ผังทางกลอนสะท้อนความ
หลีกข้อห้ามของเสียง..เลี่ยงแหกทาง

๐ ผิดครั้งแรกเป็นครูสู่ความเก่ง
ผิดแล้วเพ่งเร่งคิดพิศความต่าง
ฝึกบ่อยบ่อยถ้อยหม่นพ้นเลือนลาง
ใครอ่านพลางจับจิต..ศิษย์มีครู..

ระนาดเอก

ปล.คำเตือน ถ้าคุณลงเสียงสามัญท้ายวรรค ๒ เมื่อไหร่..สำนวนคุณก็จะพังไปทั้งบทนะครับ..

..การกำหนดเรื่องเสียงนี้..
..ถือว่าเป็นข้อบังคับ ทางฉันทลักษณ์ อย่างหนึ่ง ของกลอนแปด หรือกลอนสุภาพ อันมีข้อกำหนด ดังต่อไปนี้..
๑. คำสุดท้ายวรรคที่ ๑ (วรรคสดับ) ใช้ได้ทุกเสียง แต่ไม่ค่อยนิยมใช้เสียงสามัญ
๒. คำสุดท้ายวรรคที่ ๒ (วรรครับ) ต้องใช้เสียงเอก โท หรือจัตวา นิยมใช้เสียงจัตวา ห้ามใช้เสียงสามัญและตรี
(บางท่านก็อนุโลมให้ใช้เสียงตรีได้แต่ไม่นิยม)
๓. คำสุดท้ายวรรคที่ ๓ (วรรครอง) ต้องใช้เสียงสามัญ หรือเสียงตรี  ที่นิยมที่สุดคือเสียงสามัญ ห้ามใช้เสียง เอก โท และจัตวา
๔. คำสุดท้ายวรรคที่ ๔ (วรรคส่ง) ต้องใช้เสียงสามัญหรือตรี ที่นิยมมากที่สุดคือเสียงสามัญ ห้ามใช้เสียงเอก โท และจัตวา..

emo_25


(http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_008.gif)


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)...ระวังสัมผัสซ้ำ.......
เริ่มหัวข้อโดย: ทอฝัน ที่ 22 สิงหาคม 2010, 07:05:PM
...สัมผัสซ้ำ...ย้ำใจ...ให้ฉุกคิด
ยังพลาดผิด...ครูติง...ประวิงไหว
อีกแล้วหนอ..."ทอฝัน"...นั่นยังไง
เขียนกลอนไว...ไกวรวน...ป่วนทุกที

...ย้อนไปอ่าน...งานตน...ปนสะอื้น
มีจุดยืน...ไร้แยบยล...คนเขาหนี
คำตรงเตือน...เยือนชิด...ติดไมตรี
น้ำใจมี...มามอบ...ศิษย์ขอบคุณ
....................//ทอฝัน....กราบขอบพระคุณครูระนาดค่ะ emo_81


หัวข้อ: ~"ระวัง..คำรับสัมผัสที่"ต่างรูป"กันนะจ๊ะ..น้องรัก?"~
เริ่มหัวข้อโดย: ระนาดเอก ที่ 23 สิงหาคม 2010, 05:57:PM

(http://ar-mie1.webs.com/photos/ar-mie7/e3.gif)


~"ระวัง..คำรับสัมผัสที่"ต่างรูป"กันนะจ๊ะ..น้องรัก?"~



๐ เป็นมือใหม่หรือเก่าเฝ้าขีดเขียน
ร่างกลอนเนียนอารมณ์คมความหมาย
แต่งตอบโต้โชว์เพื่อนเหมือนรู้ใจ
คนอยู่ไกลได้อ่านกานท์ของเรา

๐ แต่งไปตามประสาอารมณ์ฝัน
ถ้อยหวานพลันแก้มใสให้ร้อนผ่าว
หวังว่าใครได้อ่านดวงมานเบา
แล้วคงเข้าถึงกลอนนอนชื่นชม

๐ ปล่อยเวลารังสรรค์ขวัญเจิดจ้า
ใส่ภาษาดื่มด่ำล้ำถาโถม
อ่านทุกครั้งกระหยิ่มยิ้มระดม
วาดคารมจนผึ้งอึ้งทุกวัน

๐ หวานเจ้าเอยภาษาหาใดเหมือน
ดั่งลมเคลื่อนพะนอล้อลมผ่าน
โลกแห่งศิลป์จำรัสอัศจรรย์
อิ่มเอมฝันสกาวทั้งเช้าเย็น

๐ เขียนครูพักลักจำถลำลึก
แบบลืมฝึกศึกษาตำราเข่น
ใส่สัมผัสผิดถูกลูกเขียนเป็น
พอได้เห็นแม่พ่อนั่งต่อกลอน

๐ รับสัมผัสสับสนคนละรูป
งานสวยวูบเหมือนไม้ไร้กลิ่นหอม
เด็กมาเห็นถ้อยคำพร่ำสุนทร
อาจถูกย้อนนี่หละ..กลอนประตู..

ระนาดเอก

 emo_25


(http://ar-mie1.webs.com/photos/ar-mie7/e3.gif)

..ปล.คำรับสัมผัสที่ต่างรูป..หรือมีเสียงสั้นยาวที่ต่างกัน..
..น้องๆระวังให้มากนะจ๊ะ..เพราะว่าใช้รับสัมผัสระหว่างวรรคกันไม่ได้จ่ะ..
..ตัวอย่างที่พี่ยกมาเช่น..คำว่า..
.
.."หมาย"กับ"ใจ"..
.."เรา"กับ"ผ่าว"..
.."ชม"กับ"โถม"..
.."วัน"กับ"ผ่าน"
.."เย็น"กับ"เข่น"
.."กลอน"กับ"หอม"
.
..ตัวอย่างของคำเหล่านี้..ถึงแม้จะมีเสียงที่ใกล้เคียงกันก็ตาม..
..แต่ถือว่าเป็นสระ..หรือมีตัวสะกดคนละรูปกัน..
..จึงใช้รับสัมผัสระหว่างวรรค หรือระหว่างบทกันไม่ได้..
..ลองสำรวจกันให้ดีนะจ๊ะ..

จากใจ
..พี่ระนาดเอกจ่ะ..

 emo_12


หัวข้อ: ~"ระวัง.."คำสัมผัสเลือน" และ "คำชิงสัมผัส"นะจ๊ะ..น้องรัก?"~
เริ่มหัวข้อโดย: ระนาดเอก ที่ 25 สิงหาคม 2010, 06:31:PM

(http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_008.gif)

~"ระวัง.."คำสัมผัสเลือน" และ "คำชิงสัมผัส"นะจ๊ะ..น้องรัก?"~



๐ นั่งเขียนกลอนอ่อนหวานขับขานรัก
แบบแทบควักหัวใจมาใส่เขียน
หวังอนงค์หลงคำ..พร่ำจนเนียน
เสร็จวนเวียนอ่านซ้ำขำตัวเอง

๐ เขียนถึงเธอหลักร้อยคล้อยพันบท
ระดมพจน์ปรากฎในบทเก่ง
(คำว่า"พจน์" กับ"กฎ" คือ"สัมผัสเลือน"นะครับ)
ร้อยบรรเลงเพลงฝันขั้นครื้นเครง
(คำว่า"เลง" กับ "เพลง" มาก่อนคำว่า"เครง" คือ"ชิงสัมผัส"นะครับ)
อย่างไม่เกรงคนอ่านนั้นเป็นครู

๐ เฝ้าจีบสาวอาจารย์งานอักษร
เห็นพธูชอบกลอนอ้อนจนอยู่
(คำว่า"พธู" มาก่อนคำว่า"อยู่" คือ"ชิงสัมผัส"นะครับ)
ไม่รู้ตัวมัวสานกานท์พร่างพรู
(คำว่า"รู้"มาก่อนคำว่า"พรู"คือ"ชิงสัมผัส"นะครับ)
จนโฉมตรูเห็นไส้ในงานเรา

๐ ใส่อารมณ์ลืมใส่ใจภาษา
ลืมคุณค่าฉันทลักษณ์หลักจึงเศร้า
กฎข้อห้ามละเลยเหวยใจเบา
คิดว่า เขาและเราเล่าชอบกัน
(คำว่า"เขา" กับ "เรา" คือ"สัมผัสเลือน"นะครับ)

๐ ชิงสัมผัสใส่เกลื่อนเหมือนงานเด็ก
ชินเขียนมาแต่เล็กเด็กยังขัน
สัมผัสเลือนโลเลเร่ใส่ยัน
เธอรู้ทันลดขั้นผลงานกลอน
(คำว่า"ทัน" กับ "ขั้น" คือ"สัมผัสเลือน"นะครับ)

๐ นั่งสร้างฝันสรรคำน้ำตาลอ้อย
สาวอ่านพลอยอึดอัดวัตรอักษร
เจอะหนุ่มใหม่ใส่เสน่ห์เก๋สุนทร
ใจอาจอ่อนหากป้อน..กลอนถูกใจ..
(คำว่า"อ่อน" กับ "ป้อน" คือ"สัมผัสเลือน"นะครับ)

ระนาดเอก

emo_25


(http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_008.gif)


..ปล.จำง่ายๆนะครับว่า..
๑.คำ"สัมผัสเลือน"นั้นหมายถึง ตามฉันทลักษณ์นั้น ครูบาอาจารย์ ท่านให้รับสัมผัสบังคับไว้แค่เพียง"ตำแหน่งเดียว"..
..แต่ผู้แต่ง ไปเพิ่มคำรับสัมผัสมากว่า ๑ ตำแหน่ง(ผมอยากให้เรียกว่า"โลเล"ก็ได้) ส่งผลให้กลอนในวรรคนั้นจะไม่กระชับ..
..และ..คำสัมผัสเลือน จะเกิดขึ้นในวรรค ๒ - ๔ ของบทเท่านั้นนะครับ..

๒.คำ"ชิงสัมผัส"นั้นหมายถึง คำหรือสระที่เป็นรูปเดียวกัน ที่เรานำมาใช้ ก่อนที่จะถึงเสียงที่รับสัมผัสจริงน่ะครับ..
..การใช้คำเหล่านี้..จึงควรหลีกเลี่ยง..เพราะถือว่าเป็นข้อห้าม ข้อหนึ่งของทางกลอนแปดครับ..
.
..จากใจจริง..
..พี่ระนาดเอกครับ..

 emo_25


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวระดา ที่ 25 สิงหาคม 2010, 06:37:PM
ขอบคุณครับสำหรับสิ่งดีๆผมน้อมรับไปปรับตัวครับท่าน
ผมเองถ้าระวังก็ไม่เกิดโรคสองสามอย่างนี้หรอกแต่หลังๆไม่ค่อยระวัง
ขอบคุณครับจากใจเช่นกันครับคุณ
ซึ้งในน้ำใจที่ไขพาทีเนาะ


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ทอฝัน ที่ 25 สิงหาคม 2010, 07:00:PM
emo_98 emo_98 emo_98
emo_100 emo_100 emo_100
 emo_116 emo_116 emo_116
 emo_81 emo_81 emo_81

...สุดยอด! ซาบซึ้งเกินคำบรรยายจริงๆ ขอบพระคุณค่ะครู
......................................//ทอฝัน


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: สายใย ที่ 25 สิงหาคม 2010, 08:01:PM
(http://add.klonthaiclub.com/images/521397599p39febsh1r.gif)
 
กลอนสายใยชอบจริงชิงสัมผัส
เพิ่งริหัดแต่งกลอนอักษรศิลป์
สัมผัสเลือนเหมือนว่าเป็นอาจิณ
อย่าติฉินเลยท่านอาจารย์กลอน

ขอน้อมนำคำเตือนไม่เลือนหลง
เพื่อเสริมส่งมาตรฐานงานอักษร
ขอบคุณท่านระนาดฯด้วย ขออวยพร
จะนั่งนอนตื่นหลับรับโชคดี

(http://add.klonthaiclub.com/images/821018254ziqayvf5qd.gif)
 


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ระนาดเอก ที่ 25 สิงหาคม 2010, 08:33:PM

(http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_007.gif)

๐ กลอนสายใยมือครูคนดูออก
ไยมาหยอกออกงามท่ามราศี
ทั้งลูกทุ่งปรุงคำล้ำอารี
โคลงฉันท์มีแพร่หลายในบ้านกลอน

๐ ฝีมือกลอนนั้นดีนารีหลง
แต่ยังคงอำพรางชื่อนางก่อน
ข่าวแว่วมาว่าสาวเจ้างามงอน
กานท์ของหล่อนสะท้าน..บ้านกลอนไทย..

ระนาดเอก

ปล..พี่สายใยอนาคตผมว่าลูกพี่ต้องเก่งกลอนแน่ๆเลย..
..ก็คนที่พี่หมายปอง..แต่งกลอนก็สุดเยี่ยมยุทธ์เช่นกันนี่เน๊อะ..
..จาก..ผู้บัญชาการกองหนุน..

 emo_25


(http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_007.gif)


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: สายใย ที่ 25 สิงหาคม 2010, 08:46:PM
(http://add.klonthaiclub.com/images/521397599p39febsh1r.gif)
 
ซ้าธู๊...ขอให้สมพรปากทีเท้อออออ....อิ อิ

(http://add.klonthaiclub.com/images/821018254ziqayvf5qd.gif)
 


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: เพรางาย ที่ 26 สิงหาคม 2010, 09:12:AM
อ่านคำคุณระนาดเอกเสกความสื่อ
ใครกันหรือเจ้าหัวใจใคร่เกื้อหนุน
หวังว่าคงไม่นานหนอจะรอลุ้น
จะมีบุญรู้ไหมน้า...ว่าสาวใด



 emo_82


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวระดา ที่ 26 สิงหาคม 2010, 12:09:PM
จดจ้องใจใครหนอต้องรอแจ้ง
รอแถลงแจงชี้อย่าลี้หลบ
สาวนักกลอนอ้อนคำที่พร่ำพบ
ที่ท่านสบตาใสเป็นใครกัน

บอกเพื่อนหน่อยคอยฟังนั่งไม่ติด
ช่วยสะกิดนิดหนาจงอย่าหัน
อย่าหนีเมินเดินไปไม่สำคัญ
เรื่องเพื่อนฉันทำไมไม่รู้เลย


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: สายใย ที่ 26 สิงหาคม 2010, 01:29:PM
(http://solno07.exteen.com/images/bird.gif)
โปรดอย่าล้อ พอที ชักมีเขิน
ยิ่งหมางเมิน เหินห่าง หมดทางใส
คุณระนาดฯ เริ่มนำ ทำมีนัย
เดี๋ยวใครใคร เขาหา ว่าเรื่องจริง

อาจเขียนกลอน อ้อนกัน ในวันเก่า
ขออย่าเหมา เปล่ามี เรื่องหลีหญิง
ไม่ได้มั่ว ตัวอย่าง มีอ้างอิง
(แค่ถูกทิ้ง เท่านั้น  เลิกฝันแล้ว)...อิ อิ

(http://solno07.exteen.com/images/580205tkggo0p409.gif)



หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: จ้อง เจรียงคำ ที่ 26 สิงหาคม 2010, 01:48:PM
([url]http://add.klonthaiclub.com/images/521397599p39febsh1r.gif[/url])
 
กลอนสายใยชอบจริงชิงสัมผัส
เพิ่งริหัดแต่งกลอนอักษรศิลป์
สัมผัสเลือนเหมือนว่าเป็นอาจิณ
อย่าติฉินเลยท่านอาจารย์กลอน

ขอน้อมนำคำเตือนไม่เลือนหลง
เพื่อเสริมส่งมาตรฐานงานอักษร
ขอบคุณท่านระนาดฯด้วย ขออวยพร
จะนั่งนอนตื่นหลับรับโชคดี

([url]http://add.klonthaiclub.com/images/821018254ziqayvf5qd.gif[/url])
 



กลอนสายใยชอบจริงชิงสัมผัส
ไม่เห็นผิดติดขัด..ชัดทุกที่
ชิงสัมผัสพูดไว้ในที่นี้
คงเป็นมือของพี่..นี่ล่ะมั้ง

โอ้ถ้าเป็นเช่นนี้ที่พูดกล่าว
มือคงถึงทุกคราวยามสาวนั่ง
เพราะพี่ชอบชิงสัมผัสถนัดจัง
ชิงแบบหลัง..อย่างว่า..ก็น่าคิด..



มาช้าครับ..แต่ขอแซวพี่สายใยหน่อยนะ.. emo_20


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: จ้อง เจรียงคำ ที่ 26 สิงหาคม 2010, 02:33:PM

ก็เอาอย่างกวี..พี่สายใย
ชิงสัมผัส..(เพียงหัวใจ)..ให้แน่นหนัก
มือที่กาง วางเป็นพุ่ม..หวังกุมรัก
ไม่ใช่สัก..ชิงสัมผัส..จุดถัดไป(กลอนครับ).. emo_19


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ระนาดเอก ที่ 26 สิงหาคม 2010, 03:54:PM

๐ เขียนกลอนชิงหัวใจใช่สัมผัส
เขาถนัดอ่านดูก็รู้ได้
อารมณ์หนุ่มลูกทุ่งคลุ้งกลิ่นไอ
พี่สายใยคนนี้..สิมือทอง

๐ เรื่องความรักซ่อนเร้นเช่นไอ้โม่ง
ใช่เปิดโปงถอดสลักรักในกล่อง
ให้เจ้าตัวเขาลุ้น..คุณช่วยมอง
หากสมปองคู่นี้..ชี้สมกัน..

ระนาดเอก

 emo_25


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: จ้อง เจรียงคำ ที่ 26 สิงหาคม 2010, 04:23:PM




เมื่อไหร่หนอน้องนาง..ที่อ้างหา
เธอจะมาปรากฎ..ถ้อยพจน์คั่น
มิร้อนตัว..กลัวจาม..ไปสามวัน
จะซุ่มดูอยู่อย่างนั้น..ก็ตามใจ.. emo_45


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ข้าพเจ้า ที่ 13 กันยายน 2010, 12:01:AM
เพิ่มเติม ฉันทลักษณ์
๑. ในวรรคหนึ่ง ๆ มีอยู่ ๘ คำ จะใช้คำเกินกว่ากำหนดได้บ้าง แต่ต้องเป็นคำที่ประกอบด้วยเสียงสั้น
๒. การส่งสัมผัส คำที่ ๘ ของวรรคแรก สัมผัสกับคำที่ ๓ หรือคำที่ ๕ ของวรรคที่สอง คำที่ ๘ ของวรรคที่ ๒ สัมผัสกับคำที่ ๘ ของวรรคที่ ๓
คำที่ ๘ ของวรรคที่ ๓ สัมผัสกับคำที่ ๓ หรือที่ ๕ ของวรรคที่ ๔ และคำสุดท้ายของวรรคที่ ๔ ส่งสัมผัสไปยังคำสุดท้ายของวรรคที่ ๒ ของบทต่อไป
๓. วรรคสดับ หรือวรรคแรก คำสุดท้ายใช้คำเต้น คือ เว้นคำสามัญใช้ได้หมด แต่ถ้าจำเป็นจะใช้เป็นเสียงสามัญก็อนุญาตให้ใช้ได้บ้าง แต่อย่าบ่อยนัก
พยายามหลีกเลี่ยง
๔. วรรครับ หรือวรรคสอง คำสุดท้ายนิยมใช้เสียงจัตวา ส่วน เอก โท ตรี ได้บ้าง ห้ามเด็ดขาดคือ เสียงสามัญ
๕. วรรครอง หรือวรรคสาม คำสุดท้ายนิยมใช้เสียงสามัญ ห้ามใช้เสียงจัตวา หรือคำที่มีรูปวรรณยุกต์
๖. วรรคส่งหรือวรรคสี่ คำสุดท้ายนิยมใช้เสียงสามัญ ห้ามใช้คำตายและคำที่มีรูปวรรณยุกต์
๗. คำที่ ๓ ของวรรครองและวรรคส่ง ใช้ได้ทุกเสียง
๘. นิยมสัมผัสในระหว่างคำที่ ๕-๖-๗ ของทุก ๆ วรรค
๙. นิยมสัมผัสชิดในระหว่างคำที่ ๓-๔ ของวรรคสดับและวรรครอง
๑๐. อย่าให้มีสัมผัสเลือน, สัมผัสซ้ำ, สัมผัสเกิน, สัมผัสแย่ง, สัมผัสเผลอ, และสัมผัสเพี้ยน
-------------------------------------
อุเทน ปัญญาปริทัตต์, พุทธประวัติ ภาคหลากบทกวี, หน้า ๒๕๖-๒๕๗


หามาเพิ่มเติมให้ครับ รายละเอียดเยอะครับดูได้จาก
http://sakaeofm89.com/forum/index.php?topic=144.0 (http://sakaeofm89.com/forum/index.php?topic=144.0)


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: Nisarat ที่ 26 กันยายน 2010, 11:38:PM
รุ่งอรุณตื่นนอนพร้อมวันใหม่         ในทันใดต้องตื่นเดี๋ยวไม่ทัน
ต้องรียเร่งอาบน้ำและแปรงฟัน      แต่งตัวนั้นไม่นานเกินเวลา

ออกจากบ้านเวลาในไม่ช้า          เป็นเวลาถนนคนบางตา
ฉันขับรถระวังประสานงา             กับรถราคันอื่นที่ขับผ่าน

พอเดินทางมาถึงกึ่งสะพาน          ตามองผ่านนึกถึงเรื่องวันวาน
ฉันสุขใจสุขแสนจะเบิกบาน         คงไม่นานใกล้ถึงซึ่งโรงเรียน

เมื่อมาถึงมีครูเปลี่ยนหมุนเวียน     ท่านติเตียนเพราะรักศิษย์พากเพียร
นอกจากนั้นยังมีพี่นักเรียน           ช่วยผลัดเปลี่ยนมาที่หน้าโรงเรียน

ผ่านประตูมองเห็นอาคารเรียน      ปลาว่ายเวียนสระน้ำหน้าโรงเรียน
ฉันศึกษาตั้งใจอย่างพากเพียร      เป็นนักเรียนที่ดีของคุณครู


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: ระนาดเอก ที่ 27 กันยายน 2010, 12:53:AM
รุ่งอรุณตื่นนอนพร้อมวันใหม่         ในทันใดต้องตื่นเดี๋ยวไม่ทัน
ต้องรียเร่งอาบน้ำและแปรงฟัน      แต่งตัวนั้นไม่นานเกินเวลา

ออกจากบ้านเวลาในไม่ช้า          เป็นเวลาถนนคนบางตา
ฉันขับรถระวังประสานงา             กับรถราคันอื่นที่ขับผ่าน

พอเดินทางมาถึงกึ่งสะพาน          ตามองผ่านนึกถึงเรื่องวันวาน
ฉันสุขใจสุขแสนจะเบิกบาน         คงไม่นานใกล้ถึงซึ่งโรงเรียน

เมื่อมาถึงมีครูเปลี่ยนหมุนเวียน     ท่านติเตียนเพราะรักศิษย์พากเพียร
นอกจากนั้นยังมีพี่นักเรียน           ช่วยผลัดเปลี่ยนมาที่หน้าโรงเรียน

ผ่านประตูมองเห็นอาคารเรียน      ปลาว่ายเวียนสระน้ำหน้าโรงเรียน
ฉันศึกษาตั้งใจอย่างพากเพียร      เป็นนักเรียนที่ดีของคุณครู

nisarat



(http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_038.gif)

๐ กว่าจะถึงโรงเรียนก็เวียนหัว
ตาที่มัวยิ่งฟางพลางหน้ายู่
ขึ้นรถเมล์แต่งหน้าลบฝ้ารู
โปะแป้งชูราศีที่ร่วงโรย

๐ ลิปสติก!วาดปากฉากรถเบรค
ปากจึงเฉกนางยักษ์อยากหิวโหย
ลิปฯสีแดงแต้มจนคนเห็นโกย
ฝนก็โปรยรถติดพิษสัญจร

๐ หาทิชชู่ก็ยากปากก็เปรอะ
ดูเอาเถอะคนเห็นเช่นถูกหลอน
จึงแกล้งทำเป็นหลับพับลงนอน
แต่บังอรหลับจริงรถวิ่งเลย

๐ ตื่นขึ้นมารถเมล์เตร่ถึงอู่
แม่โฉมตรูตกใจเหงื่อไหลเผย
มีสอบเช้ากรรมหนอท้อจนเปรย
มอไซด์ฯเอ๋ยช่วยที..ศรีสุดเซ็งงงงงง..

ระนาดเอก

ปล.เอ่อ..ต่อกลอนกับมือชั้นเทพนี่ผมแทบแย่เลยครับ..

emo_25


(http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_038.gif)

(http://www.klonthaiclub.com/pic/cartoon_010.gif)


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: สมนึก นพ ที่ 27 กันยายน 2010, 12:58:PM
๐ ตื่นขึ้นมารถเมล์เตร่ถึงอู่
แม่โฉมตรูตกใจเหงื่อไหลเผย
มีสอบเช้ากรรมหนอท้อจนเปรย
มอไซด์ฯเอ๋ยช่วยที..ศรีสุดเซ็งงงงงง..

ระนาดเอก

ด้วยรีบร้อน เกินไป ได้ขึ้นนั่ง
ที่ส่วนหลัง เบาะท้าย คล้ายข่มเหง
ผู้ขับขี่ ยิ้มเล่น เป็นกันเอง
เจอนักเลง สวยสาว เข้าแล้วไง

เสื้อวินไม่ ได้ใส่ แขวนไว้ก่อน
ด้วยรีบร้อน ตามใจ รุ่นวัยใส
โดนรถเมล์ ปาดหน้า มาเร็วไว
เหยียบเบรคไว้ ทันที ที่ต้องการ

หล่อนคะมำ ชนหลัง เสียงดังอุ๋ย
ยังพูดคุย แสแสร้ง แกล้งขับขาน
ถึงโรงเรียน ที่มา มิช้านาน
ดูลนลาน เข้าไป กลัวไม่ทัน

ครั้นยามค่ำ มอไซด์ ได้รีบกลับ
ลูกคอยรับ เรียกหา มารอนั้น
ถอดเสื้อให้ ภรรยา พาไปพลัน
เพื่อนำมัน ซักไว้ ใช้อีกนา

เสียงภรรยา โวยวาย คล้ายหาเรื่อง
ด้วยขุ่นเคือง รอยมี ที่เสื้อหนา
ลิ๊ปสีแดง รอยปาก ติดฝากมา
ไม่พูดจา คว้าไม้ วิ่งไล่ตี

อธิบาย อย่างไร ก็ไม่ฟัง
ด้วยที่หลัง เสื้อนั้น มันของพี่
เสื้อวินที่ เขาจ่าย ให้ก็มี
เมื่อขับขี่ สวมรู้ อยู่คิวใด

พูดให้ฟัง ยังหวัง ว่าแก้ตัว
เป็นคนชั่ว แล้วหรือ คือไฉน
ศรีนะศรี ชนหน้า มาทำไม
คือเรื่องใหญ่ คืนนี้ มิได้นอน.


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: วฤก ที่ 20 ตุลาคม 2010, 09:20:PM
(http://drnui.com/poempix/kumkwam.jpg)

 emo_94


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: วฤก ที่ 30 ตุลาคม 2010, 11:49:AM
(http://drnui.com/poempix/ruamthan.jpg)

 emo_85


หัวข้อ: "เกร็ดควรจำสำหรับ"สัมผัสซ้ำ"ครับ?"
เริ่มหัวข้อโดย: ระนาดเอก ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2011, 04:58:AM
(http://yamiejung-11.webs.com/photos/Lai2/51.gif)

"เกร็ดควรจำสำหรับ"สัมผัสซ้ำ"ครับ?"



เมื่อแม่ปูเดินเอียงเฉียงออกข้าง
นำทิศทางวกวนปนเวียนหัว
แถวลูกปูมาตรว่าอาจตามัว
ไม่รู้ตัวก็หลงบรรจงตาม

จำภาพแม่ที่เห็นเช่นครูสอน
ลูกหัวอ่อนมีใจใส-อร่าม
สิ่งที่แม่กระทำจำเนื้อความ
เปรียบสนามความรู้สู่กมล

แม่รังสรรค์สิ่งใดทอไฟฝัน
ลูกยึดมั่นใส่ฤดีไม่มีบ่น
วางสมองว่างเปล่าไร้เทาปน
ยอมจำนนคำสอน.."กลอนมารดา"

เดินตามแม่แต่เริ่มฮึกเหิมจิต
เนรมิตถ้อยคำล้ำภาษา
สัมผัสซ้ำแม่ใช้ในหลายครา
ลูกจึงกล้าใช้บ้างอย่างเด็กดี

กลอนหกบทยามใดบรรยายเขียน
คัดสรรคำให้เนียนเพียรขัดสี
พินิจให้ถ้วนทั่วหัวเรามี
สัมผัสที่ใช้แล้วแจวห่างมัน

อย่าดึงคำเดิมเดิมเติมต่อบท
กลอนจะลดคุณค่าคราสร้างสรรค์
ภาษาไทยมีมากหลากอนันต์
อย่ามัวกลั่นคำซ้ำทำลายกลอน..

ระนาดเอก

ปล.ในสำนวนกลอนสั้นที่ไม่เกิน ๖ บท
นักกลอนที่มีความละเอียดในการสร้างสรรค์ผลงานนั้น
เขาจะไม่นิยมนำคำ"สัมผัสระหว่างวรรค หรือบท"ที่ได้ใช้ไปแล้ว
นำกลับมาใช้อีก เพราะจะถือว่าเป็นคำ"สัมผัสซ้ำ"ครับ..
(สังเกตคำที่ขีดเส้นใต้ ซึ่งไม่ควรจะซ้ำกันทั้งรูปและเสียงครับ)

(http://yamiejung-11.webs.com/photos/Lai2/51.gif)
 
(http://www.baanklon.com/Smileys/New/60%20(58).gif)


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: สมนึก นพ ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2011, 08:01:AM
๐ ตื่นขึ้นมารถเมล์เตร่ถึงอู่
แม่โฉมตรูตกใจเหงื่อไหลเผย
มีสอบเช้ากรรมหนอท้อจนเปรย
มอไซด์ฯเอ๋ยช่วยที..ศรีสุดเซ็งงงงงง..

ระนาดเอก

ด้วยรีบร้อน เกินไป ได้ขึ้นนั่ง
ที่ส่วนหลัง เบาะท้าย คล้ายข่มเหง
ผู้ขับขี่ ยิ้มเล่น เป็นกันเอง
เจอนักเลง สวยสาว เข้าแล้วไง

เสื้อวินไม่ ได้ใส่ แขวนไว้ก่อน
ด้วยรีบร้อน ตามใจ รุ่นวัยใส
โดนรถเมล์ ปาดหน้า มาเร็วไว
เหยียบเบรคไว้ ทันที ที่ต้องการ

หล่อนคะมำ ชนหลัง เสียงดังอุ๋ย
ยังพูดคุย แสแสร้ง แกล้งขับขาน
ถึงโรงเรียน ที่มา มิช้านาน
ดูลนลาน เข้าไป กลัวไม่ทัน

ครั้นยามค่ำ มอไซด์ ได้รีบกลับ
ลูกคอยรับ เรียกหา มารอนั้น
ถอดเสื้อให้ ภรรยา พาไปพลัน
เพื่อนำมัน ซักไว้ ใช้อีกนา

เสียงภรรยา โวยวาย คล้ายหาเรื่อง
ด้วยขุ่นเคือง รอยมี ที่เสื้อหนา
ลิ๊ปสีแดง รอยปาก ติดฝากมา
ไม่พูดจา คว้าไม้ วิ่งไล่ตี

อธิบาย อย่างไร ก็ไม่ฟัง
ด้วยที่หลัง เสื้อนั้น มันของพี่
เสื้อวินที่ เขาจ่าย ให้ก็มี
เมื่อขับขี่ สวมรู้ อยู่คิวใด

พูดให้ฟัง ยังหวัง ว่าแก้ตัว
เป็นคนชั่ว แล้วหรือ คือไฉน
ศรีนะศรี ชนหน้า มาทำไม
คือเรื่องใหญ่ คืนนี้ มิได้นอน.

ขอขอบคุณ ครับท่าน ตรวจทานให้
จะแก้ไข จดจำ ตามคำสอน
สัมผัสซ้ำ ควบกล้ำ ในคำกลอน
มีหลายตอน ชี้เห็น เด่นชัดนา

ได้ชี้แจง รวบรัด จัดตัวอย่าง
ที่นำอ้าง ขีดเน้น เฟ้นเนื้อหา
ก่อนนั้นไม่ เข้าใจ ได้เขียนมา
หลงคำว่า ชิงเลือน เลื่อนที่วาง

ขออีกคำ สัมผัสเลือน ช่วยเตือนหน่อย
มีผิดบ่อย วางไง ไม่กีดขวาง
ด้วยคล้องจอง ภายใน วางไว้กลาง
ยังผิดทาง ฉันทลักษณ์ อักษรไทย.

ด.ช. นพ


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: Lจ้าVojกaoนบทนี้* ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2011, 01:11:PM



ก็มันนุ่มหนักหนาคราสัมผัส
ผูกใจมัดไว้หลายมิคลายหลง
ขออีกครั้งได้ไหม...ใจยัง งง
นวลอนงค์เร่งรัด...สัมผัสใน

ก็ของชอบ ตอบนวล อย่าด่วนจาก
มันผิดมาก นักหรือ  หือม์ ?ไฉน
ถึงหลงเล่ห์ เปปน  ก็ทนไป
เพราะติดใจ  จึงรัด สัมผัสนวล

แม้เจ้าห้าม ปรามไว้ พาใจพี่
แทบจะซี้ แล้วน้อง ต้องกำสรวล
ก็ใจรัก   มันมาก...ใช่อยากกวน
เจ้าอย่าด่วน ตัดรอน เมื่อตอนปลาย

แม้พี่ซ้ำ สัมผัส  เข้ารัดน้อง
ด้วยหมายปอง  มั่นรัก  สมัครหมาย
แม้เจ้าโกรธ โทษขึ้ง เอาถึงตาย
ชีพพี่วาย  จะขอรัด สัมผัสเธอ.... emo_52

         

               ซ้ำแค่นี้ทำบ่น........ฮึ emo_52



หัวข้อ: ~"ไม้ไต่คู้..ตัวจู้จี้(จุกจิก)?"~
เริ่มหัวข้อโดย: ระนาดเอก ที่ 25 มีนาคม 2011, 03:05:AM

(http://ar-mie1.webs.com/photos/ar-mie7/e2.gif)

~"ไม้ไต่คู้..ตัวจู้จี้(จุกจิก)?"~



ธรรมชาติของไม้ร่มไพรพฤกษ์
ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ยันเบื้องหน้า
เปี่ยมประโยชน์โชติคุณคุ้นกันมา
ดลฝนฟ้าตกต้องคล้องสมดุล

๐ บ้านทรงไทยเอกลักษณ์ประจักษ์ชาติ
งามพิลาสศิลปะคละอบอุ่น
จั่ว,ฝา,รั้ว,ครัว,ห้อง,ชาน,ผ่องคุณ
ไพร่,นาย,ขุนอาศัยในโบราณ

๐ ผลผลิตจากไม้ในแหล่งหล้า
สร้างคุณค่าอ่าโอ่-รโหฐาน
ส่วน"สระ"หนึ่งไม้ใช้มานาน
ยามเขียนงานอักษรกลอนยากเย็น

ไม้ไต่คู้สำเนียงแห่งเสียงสั้น
เวลาสรรค์ถ้อยกานท์สานความเห็น
ครารับ-ส่ง"ไม้ไต่คู้"ดูให้เป็น
ต่อประเด็นเน้นเสียง..สั้นเลี่ยงยาว


๐ เหมือนวางคำกวีปีมะ"เส็ง"
คงต้อง"เล็ง"หาศัพท์รับคำกล่าว
ต้องรับด้วย"ไม้ไต่คู้"คู่เรื่องราว
เสียงจะวาวแววรับกับเนื้อกลอน

ตัวอย่าง"แข็ง"รับ"แรง"กลอนแปร่งเพี้ยน
อาจถูกคนติเตียนเขียนกลอนอ่อน
"แข็ง"กับ"แก็งค์"เสียงสั้นนั้นแน่นอน
"แรง"รับ"แย้ง"ไม่กร่อนคำกลอนไทย


๐ แยกเสียงสั้นเสียงยาวป่า วประกาศ
กวีชาติร่วมสานงานยิ่งใหญ่
บรรจงพจน์ประณีตฤทธิ์อำไพ
คนอ่านไซร้รู้ถึง..ซึ่งมือครู

ระนาดเอก
เบอร์ลิน เยอรมัน

 emo_25

(http://ar-mie1.webs.com/photos/ar-mie7/e2.gif)


หัวข้อ: Re: ~"ไม้ไต่คู้..ตัวจู้จี้(จุกจิก)?"~
เริ่มหัวข้อโดย: สมนึก นพ ที่ 25 มีนาคม 2011, 08:18:AM
ขอบคุณครับ รับว่า ผ่านมานั้น
ทำให้ฉัน หลงคัด สัมผัสเสียง
ทั้งยาวสั้น แข่งกัน ผันมาเรียง
นำเลียบเคียง ว่าใช่ ใช้ทันที

ท่านอาจารย์ ตรวจคำ แนะนำสอน
เพื่อบทกลอน เน้นหนัก สมศักดิ์ศรี
ฉันทลักษณ์ กำหนด กฏกวี
ก็ยังมี หลายอยู่ ดูยากเย็น

เช่นคำใด ลงท้าย ไม้ไต่คู้
จึงได้รู้ ตัวอย่าง ดังที่เห็น
ส่องขยาย ไม่ต่าง อย่างกับเล็นส์
คงใช้เป็น แล้วหนอ ขอขอบคุณ.

ด.ช. นพ
25 มี.ค. 54


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: รัตติกาล ที่ 13 เมษายน 2011, 02:43:PM


บทแรก
(http://www.ohzeed.com/bar_184.gif) (http://www.ohzeed.com)

" ดอกสีขาว..พราวหม่น..หล่นเกลื่อนกลาด
แสงจันทร์สาด..บาดนวล..กลิ่นอวลหอม
ดั่งมีใคร..ใจลวง..พวงพยอม
ให้เจ้าตรอม..ตรมเศร้า..คลุกเคล้าดิน

ฝากสายลม..พรมไล้..ไซ้กลีบแก้ม
ดาวน้อยแต้ม..เติมใจ..ให้ถวิล
เป็นสายใย..ไออุ่น..กรุ่นในจินต์
อย่าได้สิ้น..กลิ่นรัก..เคยภักดิ์ใจ "

คือกลอนแรก..แทรกวาง..ตรงหว่างนี้
เผื่อไมตรี..มีผ่าน..มาขานไข
คำติชม..ก้มรับ..ซึบซับไป
ปรับปรุงให้..ได้ความ..ตามชี้นำ

(http://www.ohzeed.com/bar_185.gif) (http://www.ohzeed.com)


**สองบทแรกสำหรับเพลงดอกราตรี ของ เอ็นโดรฟิน


รัตติกาล








หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: อัศจรรย์จิต ที่ 13 เมษายน 2011, 03:07:PM
เรียงร้อยสนกลกลอนได้อ่อนหวาน
สำนวนหว่านซ่านซึมศาสตร์อักษร
สลักเสลาเคล้าคลอในกอกลอน
แตกใบอ่อนซ่อนคมน่าชมเชย

คงเคยเขียนเวียนว่ายในสายศาสตร์
ถึงได้ครวญคำหยาดได้ผาดเผย
งดงามด้วยคำหวานแว่วหว่านเกย
คงคุ้นเคยเอ่ยกลอนมารอนแรม


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: รัตติกาล ที่ 14 เมษายน 2011, 03:19:AM

เพียงครั้งแรก
(http://www.ohzeed.com/bar_142.gif) (http://www.ohzeed.com)

ต้องออกตัว  กลัวอาย  เมื่อปลายเรื่อง
ใช่ฟุ้งเฟื่อง  เรื่องกลอน  มาก่อนเก่า
เพียงใจภักดิ์  รักกวี  มีนานเนาว์
เมื่อครั้งเยาว์ วัยผ่าน  เนิ่นนานปี

ไม่เคยเขียน  เพียรแค่อ่าน งานที่สวย
ใช้ตัวช่วย ด้วย "จำ"  นำวิถี
ถึงคราวต้อง  ลองเรียน  เขียนวลี
นึกถึงที่  เคยอ่าน  ผ่านสายตา

เข้ามาเพียง  เมียงดู  อยู่คืนค่ำ
มากมายคำ  กรำสอน  กลอนนั้นหนา
ผ่านเป็นเดือน  เคลื่อนคล้อย  ค่อยนำพา
สมัครมา ร่วมมิตร  จิตกวี

วางงานลง  ตรงบอร์ด  เหมือนถอดจิต
กลับเพ่งพิจ  คิดไป  กระไรนี่
เหมือนกลอนเด็ก  เล็กเปรียบ เทียบเพื่อนมี
หวังเพียงที่  มีคำ  นำติชม

"อัศจรรย์จิต"  คิดเห็น  เม้นท์มาให้
ปลื้มรู้ไหม  ใจเขิน  เกินสุขสม
ทุกคำใน บทกลอน  เกือบจรจม
เฟ้นคำคม  สมสวย  ช่วยดันไป

ต้องขอบคุณ  บุญครู  อยู่ที่นี่
ที่ได้มี  ให้อ่าน  จนขานไข
หาได้เคย  เฉลยก่อน  แต่ตอนใด
..บ้านกลอนฯไซ้ร คือที่หนึ่ง  ซึ่งวางกานท์..



(http://www.ohzeed.com/bar_172.gif) (http://www.ohzeed.com)


ขอบคุณมากค่ะคุณอัศจรรย์จิต สุขสันต์วันสงกรานต์นะจ๊ะ  emo_116






หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: จารุทัส ที่ 06 ธันวาคม 2012, 07:46:PM

< จอมยุทธจอมปลอม >

ในห้องหับ ลับลี้ ถูกจี้จุด
ล้มสะดุด ตาลาย เกือบหงายหลัง
เห็นฝ่ามือ ลือลั่น ไม่ทันบัง
กระแทกชน พันชั่ง กระเด็นไกล

รีบลุกขึ้น โคจร พบเลือดพล่าน
เดินลมปราณ ชิงซัด สัมผัสใส่
แต่เงามืด ปัดป้อง ในทันใด
วิชาดำ ทำไม ไม่ได้การ

หมัดที่สอง ลองใหม่ สัมผัสซ้ำ
ก็ไม่สำ เร็จอีก น่าสงสาร
สัมผัสเลือน รับรู้ ถ้าสู้นาน
ไม่อาจต้าน ทนทาน แม้หมัดลม

จึงใช้พิษ ยานัตถุ์ สัมผัสเพี้ยน
ต่อให้เซียน สูดรับ จะสับสน
แต่จอมยุทธ ผู้นี้ มิใช่คน
ยังวิ่งวน เข้าใส่ ไร้ไมตรี

มันคือใคร กันหว่า หรืออาเฉิน
สัมผัสเกิน เหินหาว ตัวเบาหนี
โอ้เปลือกกล้วย ยอดหญ้า ช่วยข้าที
ให้ภูติผี เหยียบลื่น จูบพื้นตาย

หนีมาถึง สุสาน ทหารศึก
ใจก็นึก สำนวน ชวนขวัญหาย
วิ่งหนีเสือ มาช็อค ครอคโคไดล์
สัมผัสเผลอ สุดท้าย ผีไล่ทัน

...(โดนผีซ้อม)...

คลานมาค้น คัมภีร์ นพเก้า
ที่ใต้เท้า ทั้งหลาย ได้สร้างสรรค์
หวังมาฝึก ผ่าฟืน ซักหมื่นวัน
หวังประพันธ์ ถูกหลัก เป็นนักกลอน

อาซัว


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 06 ธันวาคม 2012, 09:26:PM
...


ท่านอาจารย์ขานเป็นเข็นไต่คู้
พอได้รู้เห็นก็หัวร่อหาย
เตะตะกร้อก็เป็นของเล่นชาย
จารยยย์เพรางายช่วยน่อแก้ก็ที



กลอนพาไปครับอาจารย์ที่เคารพทุกท่าน
ยากจัง กลอนแปด


=============================

เพิ่มเติมโดย  เพรางาย

แก้ "ก็" ทำไมคะ
อยากตัด "ย" ตรง "จารยยย์" ทิ้งมากกว่าค่ะ
emo_01


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 07 ธันวาคม 2012, 08:25:AM
...


ท่านอาจารย์ขานเป็นเข็นไต่คู้
พอได้รู้เห็นก็หัวร่อหาย
เตะตะกร้อก็เป็นของเล่นชาย
จารยยย์เพรางายช่วยน่อแก้ก็ที



กลอนพาไปครับอาจารย์ที่เคารพทุกท่าน
ยากจัง กลอนแปด



คิดอยู่นานขานเป็นเข็นไต่คู้
ผิดถูกรู้ไม่ก้อหัวร่อหงาย
เตะตะกร้อก๊อเปนของเล่นชาย
ภาษากลายเด๋วรู้ถูกครูตี




หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: เพรางาย ที่ 08 ธันวาคม 2012, 07:39:AM


เจอะภาษาวิบัติขัดลูกตา
อยากจับมาคัดใหม่ให้ถูกที่
สักคำละสองร้อยเที่ยวคงจำดี
อย่าชักช้า! มานี่! เอ้า! กระดาษ...ปากกา....คัด!!!!!!!!!!!!!!!!!! emo_120




ก้อ  >   ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็
ก๊อ >   ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็
เปน >    เป็นเป็นเป็นเป็นเป็นเป็นเป็นเป็นเป็นเป็นเป็นเป็นเป็นเป็นเป็นเป็น
เด๋ว >   เดี๋ยวเดี๋ยวเดี๋ยวเดี๋ยวเดี๋ยวเดี๋ยวเดี๋ยวเดี๋ยวเดี๋ยวเดี๋ยวเดี๋ยวเดี๋ยวเดี๋ยว


 emo_105


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 08 ธันวาคม 2012, 08:13:AM
...

โอยยากจริงยิ่งเรียนก็เขียนยาก
ยิ่งลำบากหลายกฏกำหนดห้าม
ผิดเพียงคำล้ำไปกลอนไม่งาม
สอบตรวจตามคำสอนยังถอนใจ

อักษราท้าทายให้หมายมั่น
เขียนทุกวันแก้กลอนทวนย้อนใหม่
ผิดถูกดีมีครูหรือผู้ใด
น้ำจิตใสแอบซ่อนก็สอนกัน


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 08 ธันวาคม 2012, 08:37:AM
...


หยิบปากกาพาฮึดอยู่อึดกลั้น
อาจารย์ฉ้นใจดีหรือมีร้าย
มาดเข้มเลยเคยเห็นก็เป็นคลาย
อาจารย์หมายรักษ์จัดไม่ขัดใจ


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 11 ธันวาคม 2012, 09:42:AM
เฮ้...


เช้าวันสายชายยังนอนนั่งหิว
กระดิกนิ้วยึกยักแป้นอักษร
กาแฟถ้วยช่วยปล้ำเขียนคำกลอน
ส่งมาอ้อนก่อกวนคนอ้วนพุง

บึ้มเสียงร้องท้องลีบมันบีบไส้
คิดไปไกลหิวนานจะพาลยุ่ง
ไปทำงานก่อนหนาท่านป้าลุง
แวะกระทุ้งขาหมูก่อนอู้งาน


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: พยัญเสมอ ที่ 11 ธันวาคม 2012, 12:40:PM


เจอะภาษาวิบัติขัดลูกตา
อยากจับมาคัดใหม่ให้ถูกที่
สักคำละสองร้อยเที่ยวคงจำดี
อย่าชักช้า! มานี่! เอ้า! กระดาษ...ปากกา....คัด!!!!!!!!!!!!!!!!!! emo_120




ก้อ  >   ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็
ก๊อ >   ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็ก็
เปน >    เป็นเป็นเป็นเป็นเป็นเป็นเป็นเป็นเป็นเป็นเป็นเป็นเป็นเป็นเป็นเป็น
เด๋ว >   เดี๋ยวเดี๋ยวเดี๋ยวเดี๋ยวเดี๋ยวเดี๋ยวเดี๋ยวเดี๋ยวเดี๋ยวเดี๋ยวเดี๋ยวเดี๋ยวเดี๋ยว


 emo_105


กละออมเพ็ญเพียบน้ำ    ฤาติง
โอ่งอ่างพร่องชลชิง       เฟื่องหม้อ
ผู้ปราชญ์ห่อนสุงสิง        เยียใหญ่
คนโฉดรู้น้อยก้อ           พลอดนั้นประมาณ


ก้อ  กับ  เปน    ไม่ถือว่าเป็นภาษาวิบัติเสียทีเดียว  เพราะคนรุ่นปู่ย่าตาทวดก็เขียนกันแบบนี้
ถ้าจะผิดก็เห็นจะผิดกับความนิยมในสมัยปัจจุบันนี้เท่านั้น
คำบางคำสมัยก่อนเขียนแบบหนึ่ง  ปัจจุบันนิยมเขียนอีกแบบหนึ่ง
เช่นคำว่า จักรวาฬ   ปัจจุบัน  ราชบัณฑิตกำหนดให้เขียนเป็น  จักรวาล
สมัยก่อนเขียนเป็น  สังเกตุ   ปัจจุบัน  ราชบัณฑิตกหนดให้เขียนเป็น สังเกต
สมัยก่อนเขียนเป็น รังษี   ปัจจุบันราชบัณฑิตกำหนดให้เขียนเป็น รังสี
การเขียนไม่ถูกต้องตามความนิยม  แต่ทว่า เมื่อสะกดหรืออ่านแล้วเสียงไม่ได้เพี้ยนไปจากเดิม
ผมว่า ไม่น่าเข้าข่ายภาษาวิบัติ  น่าจะแค่เขียนผิด หรือสะกดผิดจากที่นิยมใช้กันอยู่เท่านั้น


แต่กรณีที่เขียนจนคำอ่านเปลี่ยนไปไม่ทราบว่าจะหมายความว่าอะไร
เช่นเขียนจาก  เดี๋ยว  เป็น เด๋ว  จากเทพ เป็น เมพ   จากอยากกลายเป็นอย่าง  อย่างกลายเป็นอยาก
จุงเบย  ฯลฯ  คำพวกนี้  น่าจะถือว่าเป็นภาษาวิบัติชัดเจน


********************************

เพิ่มเติมโดย  เพรางาย

ไม่เถียงที่คุณโอริฯ ว่ามาค่ะ
คำว่า ก้อ  และ  เปน  เคยมีใช้ตามเสียงนั้นมาจริงๆ

แต่ที่คุณงายมาต่อกลอนคุณแอทฟรีนั้น เป็นการหยอกล้อกันเล่นเท่านั้น
เพราะว่าเขาบอกว่าให้มาแก้ให้ถูกต้องให้ด้วย
ก็เลยมาแต่งกลอนต่อแก้ให้
มิได้หมายความว่าโมโหโกรธาเขาหรอกนะคะ

ถือว่าต่อความเล่นเอาสนุกค่ะ





หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 12 ธันวาคม 2012, 08:34:AM
เฮ้...เช้า...



มาเขียนกลอนตอนเช้าคว้าเม้าท์คลิก
คีย์กระดิกพลิกเคลื่อนไฟเลือนหาย
ถึงจะเก่าเราทนอยู่คู่กาย
จะบอกขายยกให้หาใครเอา

ใช้มานานพาลเบื่อรวนเหลืออด
ไมใสสดน่าลองเท่าของเขา
สัมผัสไปไม่สปาร์คลำบากเรา
แอบหลบเงามองคนอื่นเขาชื่นใจ


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 16 ธันวาคม 2012, 02:27:AM
...

คิดผิดมากอยากหวนทบทวนใหม่
นึกว่าใช่ห้องคนฝีกฝนเขียน
นี่มั้งเนาะเหมาะเสริมเด็กเริ่มเรียน
หรือฝึกเซียนกันแท้...โอแม่จ๊าว...

เขียนไม่ดีมีหรือถือโทษครู
เหลียวย้อนดูต้วเองไม่เก่งก้าว
หยุดตั้งหลักพักหัวไว้ขั่วคราว
รอหน่อยสาวหายฟื้นค่อยคืนมา


...


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 01 มกราคม 2013, 09:35:PM
...

กล้ากล้าหน่อยค่อยย่องมาลองเขียน
ตอนนี้เซียนเขาเผลอเราเสนอหน้า
แต่ซ่อนกายท้ายครัวกลัวเขาท้า
หันซ้ายขวาหลุกหลิกน้ำพริกพอ

ปลาทูงอห่อมามองหาข้าว
ก้าวชิดก้าวย่องคดให้หมดหม้อ
อยากให้ร่ำคำคล้องคงต้องรอ
กินให้พอท้องเพลินหัวเดินตาม


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 02 มกราคม 2013, 07:37:AM
...


กินเสร็จสรรพหลับไปกลอนไม่เขียน
ตื่นมาเวียนหัววิ้วความหิวถาม
กาแฟถ้วยช่วยผ่อนแต่งกลอนงาม
ใครจะหามท้องกิ่วให้คิ้วงอน

เพราแห่งงายกรายแย่งแสงประภา
รพีฟ้างามทัศประภัสสร
ลมเย็นเอื่อยเฉื่อยดีไม่มีกลอน
ก็ขอนอนอีกหน่อยไม่คอยใคร


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: Prapacarn ❀ ที่ 02 มกราคม 2013, 08:01:AM
(http://toptenthailand.com/2012/img/img_news/1353919083.gif)

นอนมากมาก..ปากเปื่อยกายเฉื่อยแฉะ
ทานถั่วแ-ร-ะไปด้วยจะช่วยได้
ทั้งอิ่มพุงบำรุงสมองของไทยไทย
หิวเมื่อไหร่ลงนั่ง..หนึ่งกะละมังคงพอ
 emo_107
แซมค่ะ



หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 02 มกราคม 2013, 09:45:AM
...

ทานถั่วแระแยะมากจนปากเขียว
กะมังเดียวของข้าใครอย่าขอ
อยากเขียนกลอนตอนสองคงต้องรอ
สายแลัวน่ออาบน้ำไปทำงาน


เฮ้


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: Prapacarn ❀ ที่ 02 มกราคม 2013, 12:43:PM
(http://www.9bbank.com/wp-content/uploads/2010/12/small.jpg)

เรื่องงานการทำไปไม่ได้ขั้น
มานั่งปั่นกลอนกวียังมีหวาน
มนต์ขุนแผนแสนสนิทสาวติดบาน
อุ๊ย!! พี่ท่านท้องเฟ้อ..เผลอปล่อยลม
 emo_107
แซมค่ะ


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 02 มกราคม 2013, 10:27:PM
...


เป็นยังงี้นี่เองแพ้เพลงมีด
เราถูกกรีดวิ่นเยอะแผลเหวอะแหวะ
ถุกมารนางวางยาด้วยถั่วแ-ระ
จารุแมะหลับตาหาเราเจอ



แบ่งเวลาได้นิดน่อย เขียนได้น้อย


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: จารุทัส ที่ 06 กุมภาพันธ์ 2013, 03:25:PM

< มรรคาต้องห้าม >

หอบกระเหี้ยน เรียนร่ำ ถลำลึก
เพียงอยากฝึก ฝีมือ หือรือฝน
จิตใฝ่ต่ำ ย้ำคิด พิชิตตน
จึงสับสน ดีชั่ว เริ่มมัวเมา

อักขระ กระบี่ ไล่จี้ปล้น
ทรชน กลับชาติ ช่างขลาดเขลา
ชอบจาบจ้วง ห่วงเล่น ไม่เห็นเงา
อุจาดดำ ต่ำเทา เป็นขาวไป

อย่าปะทะ ประดาบ เปรอะคราบเลือด
กว่าจะแย้ง แห้งเหือด ถูกสงสัย
มีพิรุธ ดุจว่า เคยฆ่าใคร
เป็นเรื่องใหญ่ ไต่สวน โซ่ตรวนตรา

อย่าล่วงเกิน เดินข้าม อารามเขต
ชาติประเทศ กษัตริย์ ศาสนา
ทั้งการเมือง เรื่องเขา เราขอลา
เป็นมรรคา ต้องห้าม อย่าข้ามไป

เลิกคงทัน หันกลับ นั่งลับมีด
แว่วจิ้งหรีด กรีดเสียง สำเนียงใส
จักจั่น สั่นท้อง น้องเรไร
พ้นป่าไผ่ ผ่านนา มุ่งหน้าพลัน

ได้ประสบ พบปะ ถ้ำอสูร
ได้เพิ่มพูน พละ ที่ผกผัน
ได้รู้จัก ยักไหล่ ไม่สำคัญ
วิชาบั่น ยกเขา ให้เบาตัว

จารุทัส


หัวข้อ: Re: หัวข้อ กลอนสุภาพ (กลอน ๘)
เริ่มหัวข้อโดย: เพรางาย ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2013, 06:13:PM


น้ำตาลสดรินใส่แก้วใสกริบ
จิบสองจิบพอหวานซ่านผสม
เขาปั่นกลอนแทนด้ายสายคารม
น้ำหอมพรมถักทอก่อผืนคำ
 emo_15

นั่งรอข้าวสั่งล่าเขามาก่อน
จึงแต่งกลอนต่อกล่าวความพราวพร่ำ
ลืมเวลาพิณพาทย์พยาธิรำ
ท้องอิ่มน้ำกระดาษงอกดอกกวี

 emo_26


“ผัดเอ๋ยผัดฉ่า  รีบมาไวไว  กลอนจบสองบท  ยังไม่ปรากฏ...เศร้าใจ”


 emo_33