พิมพ์หน้านี้ - เลื่อมพรายปีก แมลงทับ ขลับมันขลับ

ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน

จิปาถะ => เรื่องทั่วไป => ข้อความที่เริ่มโดย: อริญชย์ ที่ 10 พฤษภาคม 2013, 10:22:AM



หัวข้อ: เลื่อมพรายปีก แมลงทับ ขลับมันขลับ
เริ่มหัวข้อโดย: อริญชย์ ที่ 10 พฤษภาคม 2013, 10:22:AM
เลื่อมพรายปีก  แมลงทับ  ขลับมันขลับ
 
เลื่อมพรายปีก  แมลงทับ  ขลับมันขลับ
แวววาววับ  ยามแสงทอง   ส่องสาดส่อง
ท่ามกลางพฤกษ์ ไพรเรืองรอง  กรองม่านกรอง
เป็นถิ่นของ   แมลงน้อย   ลอยล่องลอย

มวลแมกไม้   วิไลพรรณ   ฉันเฉิดฉัน
รุ้งลาวัณย์  งามพราวพร้อย  ย้อยหยาดย้อย
สายลมเย็น  พัดดงดอย   คอยฝนคอย
บินไม่ถอย  แมลงทับ   วับวาววับ

กัดยอดอ่อน  สีสดเขียว  เคี้ยวเร่งเคี้ยว
ไต่เลาะเลี้ยว   เคลื่อนขยับ  จับก้านจับ
กิ้งก่าแดง    มองค้อนควับ งับพร้อมงับ
แมลงทับ      อย่าเพลินกิน บินเถิดบิน ฯ

                                   อริญชย์
                               ๑๐/๕/๒๕๕๖

ปล.เป็นเพียงจินตนาการแต่งเล่น ๆ ไม่ถูกต้องตามหลักฉันทลักษณ์
ควรอ่านเพื่อความบรรเทิงเท่านั้น แต่ไม่ควรยึดเป็นแบบอย่างเน้อ



 emo_107




หัวข้อ: Re: เลื่อมพรายปีก แมลงทับ ขลับมันขลับ
เริ่มหัวข้อโดย: Moo Dum ที่ 10 พฤษภาคม 2013, 04:28:PM


แมลงทับ  จับไม้  เขียวใบเขียว
เรียวหญ้าเรียว  เกี่ยวก้อน  หินซ้อนหิน
ใบร่วงหล่น  ปนจม  ดินถมดิน
รินไหลริน  ยินฝนพรั่ง  วันทั้งวัน

ยามเบิกบาน  มานสุขล้น  หมุนวนหมุน
หนุนหลับหนุน  อุ่นไอ  ฝันไกลฝัน
ร่วมสองแรง  แบ่งปัน  กันและกัน
พันผูกพัน  ฝันให้  ไกลสุดไกล

ไม่อยากจาก  พรากยุด  รั้งฉุดรั้ง
ตั้งใจตั้ง  หวังจริง  ใหญ่ยิ่งใหญ่
ขอร่วมทุกข์  สุขสอง  ใจคล้องใจ
ใครมีใคร  ไม่เท่า  เรามีเรา

Moo Dum

 emo_126




หัวข้อ: Re: เลื่อมพรายปีก แมลงทับ ขลับมันขลับ
เริ่มหัวข้อโดย: พยัญเสมอ ที่ 10 พฤษภาคม 2013, 06:57:PM



สุดยอดมากๆครับ ทั้งสองท่าน
ท่านอริญชย์  สุดยอดแห่งความคิด ทำไมกันนะที่ผ่านมาข้าน้อยถึงไม่มีความคิดแบบนี้บ้าง  ขอแสดงความนับถือสูงสุดครับ   emo_126
ท่านหมูดำสุดยอดนักคัดสรรเล่นคำครับ   emo_100
ข้าน้อยขอแสดงความนับถือทั้งสองท่าน
เสียดายที่ข้าน้อยได้ปฏิญญาไว้แล้วว่าไม่ให้และไม่ขอรับคะแนนจากผู้ใด จึงทำได้แต่เพียงชมเชยด้วยวาจาเท่านั้น
และข้าน้อยขออนุญาตท่านอริญชย์นำแนวคิดนี้ไปฝึกหัดบ้างนะครับ


                       Orion264(มือขวา)
 emo_126 emo_126 emo_126 emo_126 emo_100







หัวข้อ: Re: เลื่อมพรายปีก แมลงทับ ขลับมันขลับ
เริ่มหัวข้อโดย: อริญชย์ ที่ 10 พฤษภาคม 2013, 07:31:PM
ขอบคุณ ท่าน
Orion264(มือขวา)  ที่ชื่นชมและสนใจงานชิ้นนี้ 
เป็นการทดลองแต่งเล่น ๆ  ก็เกรงท่านผู้รู้หลายคนจะตำหนิเหมือนกัน
แต่ก็อยากเสนอแนวคิดลอง ๆ ดู
ถ้าท่าน Orion264(มือขวา) สนใจ ก็แต่งเล่นได้เลย ไม่ว่ากัน
อีกอย่างยังไม่ได้ตั้งชื่อกลอนกลบทอะไร 

ขอแต่งไว้เป็นแนวทางละกันนะ  เผื่อใครมีไอเดียดีๆ จะตั้งชื่อกลบท
หรือแต่งเล่น ๆ ก็คงจะเป็นประโยชน์มิใช่น้อย  เนื่องจากคำที่ใช้จะต้องพ้องเสียงกันหลายคำ ทำให้ผู้แต่งต้องคิดหาคำมาให้ได้นั่นเอง
และคิดว่าคงมีประโยชน์ต่อการอนุรักษ์ภาษาไทยอยู่ไม่มากก็น้อย

ผิดพลาดประการใด ขอให้ท่าน Orion264(มือขวา) และท่านผู้รู้ทั้งหลายโปรดให้อภัย
ให้ถือซะว่าเป็นการลองผิดลองถูกละกันเนาะ
   



 emo_107                                                       




หัวข้อ: Re: เลื่อมพรายปีก แมลงทับ ขลับมันขลับ
เริ่มหัวข้อโดย: กรกช ที่ 10 พฤษภาคม 2013, 09:22:PM


กระผมมีกลอนนำเสนอมาให้วิจารณ์บทหนึ่ง
ไม่ทราบว่าแนวนี้มีท่านใดเคยร้อยกรองไว้หรือไม่
ด้วยด้อยความรู้รอบตัว โปรดวิจารณ์ได้เต็มที่
ขอน้อมรับทุกประการ


กรกช



#๑๓๘

-๐-

ร้องคำหวาน วานลม ชมทำนอง
วานลมร้อง ทำนอง ชมคำหวาน
ทำนองร้อง หวานชม คำลมวาน
ทำนองหวาน วานชม ลมร้องคำ

-๐-


หัวข้อ: Re: เลื่อมพรายปีก แมลงทับ ขลับมันขลับ
เริ่มหัวข้อโดย: พยัญเสมอ ที่ 10 พฤษภาคม 2013, 11:12:PM


ข้าน้อยด้อยความรู้  เกิดมาเพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรกนี่แหละครับ
ต้องบอกว่ายากมากๆครับท่าน กลอนทั้งบทนั้นแท้จริงแล้วใช้คำแค่แปดคำเท่านั้นเอง  emo_47

 emo_100   emo_100







หัวข้อ: Re: เลื่อมพรายปีก แมลงทับ ขลับมันขลับ
เริ่มหัวข้อโดย: พยัญเสมอ ที่ 10 พฤษภาคม 2013, 11:32:PM




ที่นี้อยากให้ลองดูวิธีการของข้าน้อยบ้าง  ความจริงวิธีนี้เป็นแนวคิดเดียวกันกับท่านกรกช  คือเขียนเพียงบรรทัดเดียว ๙ คำ
แต่สามารถแปลงเป็นกลอนได้ทั้งสี่วรรค  แต่เป็นคนละวิธีการกัน   กลอนนี้ข้าน้อยเขียนไว้ที่รักกลอนดอทคอมตั้งแต่ปีที่แล้วแล้ว
และน่าจะง่ายกว่าของท่านกรกช 


 emo_68   emo_86     emo_100

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------






บันทึกลับ   เมื่อกลอนวรรคเดียวกลายเป็นกลอนสี่วรรค



              ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เมื่อกลอนที่มีอยู่เพียงวรรคเดียวแค่ ๙ คำนั้นสามารถกลายร่างเป็นกลอนทั้งบทได้
อะไรกันนี่  หรือว่าทายาทของสุนทรภู่ได้ถือกำเนิดขึ้นมาแล้วอย่างแท้จริง(ว่าไปนั่น)  แต่จริงๆแล้วไม่มีอะไร  นี่
เป็นเพียงลูกเล่นอย่างหนึ่งที่ควรรู้ไว้เท่านั้น
              เชื่อว่าหลายคนคงต้องเคยมีความปรารถนาที่จะหาวิธีการทำให้กลอนเพียงวรรคเดียว หรือสองวรรค
สามารถกลายเป็นกลอนเต็มบทขึ้นมาได้(แม้จะสื่อความหมายไม่ค่อยได้ก็ตามที)  ตัวอย่างของพยายามที่จะเขียน
กลอนให้จำนวนคำน้อยที่สุด แต่กลับสามรถอ่านเป็นกลอนทั้งบทได้นั้นพึงเห็นตัวอย่างเช่น กลบทถอยหลังเข้าคลอง
กลอักษรนกกางปีก และกลอักษรต่างๆที่พยายามซ่อนความในรูปแบบต่างๆ  แต่มีวิธีที่จะอ่านให้เป็นกลอน(หรือโคลง)
เต็มรูปแบบได้
              และเพื่อเป็นการตอบเฉลยโจทย์ดังกล่าว วันนี้เราจะมาลองทำกลอนที่มีอยู่เพียงวรรคเดียวให้กลายเป็น
กลอนที่มีสี่วรรคเต็มบทกัน   ตัวอย่างก็มีดังนี้


เมื่ออยากลอง  ต้องขอทำ  หนำให้พอ

              อาจจะมีการสงสัยว่าเอ๊ะ  แล้วแค่นี้จะกลายเป็นกลอนเต็มรูปแบบได้แน่หรือ ? มันยังไงๆอยู่นา
ขอตอบว่าได้แน่นอนครับ  เมื่อเราจัดรูปแบบใหม่ก็จะได้ผลดังนี้

เมื่ออยากลอง   ต้องขอทำ   ทำขอต้อง
เมื่ออยากลอง  หนำให้พอ   พอให้หนำ
เมื่ออยากลอง  ทำขอต้อง    ต้องขอทำ
เมื่ออยากลอง  พอให้หนำ    หนำให้พอ



             จะเห็นได้ว่าคำว่า เมื่ออยากลองนั้นใช้สำหรับเป็นกระทู้ตั้งทุกกระทู้  ส่วนคำถัดมา ต้องขอทำ  จะใช้สำหรับ
วรรคที่ ๑  กับวรรคที่ ๓   และคำสุดท้ายคือ หนำให้พอ  จะใช้สำหรับวรรคที่ ๒  กับวรรคที่ ๔ ซึ่งเป็นวรรคสุดท้าย

             วิธีแต่ง  ติดไว้วันหลังก่อนครับ  วันนี้ขี้เกียจเขียนอธิบายแล้ว  ลองดูจากตัวอย่างไปพลางๆก่อน
แล้วถ้ามีเวลาว่างเมื่อไหร่จะมาเขียนบอกเคล็ดลับ

                                                    :p6:

กลอนสี่บทที่เขียนไว้เพียงสี่วรรค

เมื่ออยากลอง   ต้องขอทำ    หนำให้พอ(๑)
ความคิดแปลก  แตกเหล่ากอ  ขอเพียงคิด(๒)
โลดลิ่วไป     ใช้ชีวิต     ปิดคดี (๓)
อ่านบทกลอน  ท่อนที่มี   หนีหลับนอน(๔)



แปลงเป็นบทกลอน

เมื่ออยากลอง   ต้องขอทำ   ทำขอต้อง
เมื่ออยากลอง   หนำให้พอ   พอให้หนำ
เมื่ออยากลอง   ทำขอต้อง   ต้องขอทำ
เมื่ออยากลอง  พอให้หนำ   หนำให้พอ

ความคิดแปลก  แตกเหล่ากอ  กอเหล่าแตก
ความคิดแปลก  ขอเพียงคิด    คิดเพียงขอ
ความคิดแปก   กอเหล่าแตก   แตกเหล่ากอ
ความคิดแปลก  คิดเพียงขอ   ขอเพียงคิด

โลดลิ่วไป    ใช้ชีวิต    ชีวิตใช้
โลดลิ่วไป    ปิดคดี    คดีปิด
โลดลิ่วไป    ชีวิตใช้    ใช้ชีวิต
โลดลิ่วไป    คดีปิด   ปิดคดี

อ่านบทกลอน  ท่อนที่มี   มีที่ท่อน  
อ่านบทกลอน  หนีหลับนอน  นอนหลับหนี
อ่านบทกลอน  มีที่ท่อน    ท่อนที่มี
อ่านบทกลอน  นอนหลับหนี  หนีหลับนอน

 








หัวข้อ: Re: เลื่อมพรายปีก แมลงทับ ขลับมันขลับ
เริ่มหัวข้อโดย: choy ที่ 11 พฤษภาคม 2013, 12:25:AM


กระผมมีกลอนนำเสนอมาให้วิจารณ์บทหนึ่ง
ไม่ทราบว่าแนวนี้มีท่านใดเคยร้อยกรองไว้หรือไม่
ด้วยด้อยความรู้รอบตัว โปรดวิจารณ์ได้เต็มที่
ขอน้อมรับทุกประการ


กรกช



#๑๓๘

-๐-

ร้องคำหวาน วานลม ชมทำนอง
วานลมร้อง ทำนอง ชมคำหวาน
ทำนองร้อง หวานชม คำลมวาน
ทำนองหวาน วานชม ลมร้องคำ

-๐-

ลมวานชม คำร้อง ทำนองหวาน
คำลมวาน นองชม ทำหวานร้อง
วานลมคำ หวานร้อง ชมทำนอง
หวานคำร้อง ทำนอง วานลมชม

***เฮ้อ...เหนื่อยจุงเบย...แบบนี้พอทนได้ไหม


choy
10 พ.ค. 56




หัวข้อ: Re: เลื่อมพรายปีก แมลงทับ ขลับมันขลับ
เริ่มหัวข้อโดย: กรกช ที่ 11 พฤษภาคม 2013, 12:23:PM


#๑๔๑

-๐-๐-๐-

แนวคิดเกิดเมื่อครั้ง     นานมา
โยงเกี่ยวกับภาษา      ใคร่อ้าง
ของจีนเอ่ยพรรณา      คำถั่ว
"เถาถั่วต้มถั่ว"ค้าง      นี่แท้ทางเป็น

-๐-๐-๐-

เห็น"บทกวีเจ็ดก้าว"    โจสิด
ถูกเคี่ยวคำลิขิต     พี่ใช้
โจผีเร่งชีวิต     หวังฆ่า
สามก๊กประพันธ์ไว้     บ่งชี้สอนใจ

-๐-๐-๐-

ความนัยจึงใฝ่ตั้ง   จารเขียน
ดูดั่งบทความเลียน      แบบผู้
ประโยคอ่านวนเวียน     แตกต่าง
วรรคหนึ่งกลับกลายรู้   อ่านได้เป็นกลอน

-๐-๐-๐-



ขอขอบคุณในความสนใจของท่าน choy นะขอรับ
ขอสารภาพว่า
รู้สึกว่าบทเดียวสั้นเกินไป
แต่ยังมิสามารถแต่งบทที่สองต่อได้
เนื่องจากยังหาคำเหมาะใจมาร้อยรวมกันมิได้เลย



หัวข้อ: Re: เลื่อมพรายปีก แมลงทับ ขลับมันขลับ
เริ่มหัวข้อโดย: กรกช ที่ 11 พฤษภาคม 2013, 05:56:PM


ขอเลียนล้อแนวทางท่านอริญชย์

#๑๔๒

-๐-
ฝันเฝ้าฝัน บรรเจิด แพร้วเพริศแพร้ว
แล้วเลยแล้ว ไร้หมั่น หาหันหา
ตนเตือนตน ต่ำข้าง ลาร้างลา
บ้าใบ้บ้า เจ็บจม งายงมงาย
-๐-
เวียนหวังเวียน อ้อนเจรียง คู่เคียงคู่
กู่ก้องกู่ กลับลี้ หน่ายหนีหน่าย
ชมเชยชม คนชอบ รายรอบราย
คล้ายคงคล้าย ขยะเกิน มองเมินมอง
-๐-
ป่วนปั่นป่วน ยิ่งชวน ไห้หวนไห้
ไหม้หม่นไหม้ หลงงก ป้องปกป้อง
แค่เขาแค่ แหย่ชิม ลองลิ้มลอง
เสนอสนอง สนองเสนอ อวยเอออวย
-๐-



ตัดคำสีแดงออก อ่านได้เป็นกลอนหก

จำเรียง      ก.  ขับลำ,ขับกล่อม,ร้องเพลง,เจรียง
              [v.] sing


หัวข้อ: Re: เลื่อมพรายปีก แมลงทับ ขลับมันขลับ
เริ่มหัวข้อโดย: พยัญเสมอ ที่ 11 พฤษภาคม 2013, 10:07:PM


กลอนทั้งบทที่มีคำอยู่เพียงแปดคำ  แต่งโดยศึกษาจากกลอนตัวอย่างที่คุณกรกชนำมาให้ดู

 emo_89


หลายคนเห็น  เป็นงาม  ตามตนคล้าย
งามเป็นหลาย  คล้ายตน  ตามคนเห็น
ตนเห็นตาม   งามคล้าย  หลายคนเป็น
ตนตามเห็น   เป็นหลาย   คล้ายคนงาม


ยากมากครับ  ให้แต่งอีกครั้งทำไม่ได้  ขอบคุณท่านกรกชครับ  emo_47

 emo_126



หัวข้อ: Re: เลื่อมพรายปีก แมลงทับ ขลับมันขลับ
เริ่มหัวข้อโดย: อริญชย์ ที่ 11 พฤษภาคม 2013, 11:01:PM
เสือช้างสิงห์   ลิงหมู   หนูค่างเหยื่อ
หมูลิงเสือ      เหยื่อค่าง  หนูช้างสิงห์
ค่างสิงห์หนู    หมูเหยื่อ   เสือช้างลิง
ค่างหนูสิงห์     ลิงเสือ   เหยื่อช้างหมู ฯ 

                                 อริญชย์
                             ๑๑/๕/๒๕๕๖

เอามั่ง  ลงไม่สวยเท่าไหร่  แต่งขำ ๆ ทุกท่าน  พยายามแล้ว อิอิ




 emo_107


หัวข้อ: Re: เลื่อมพรายปีก แมลงทับ ขลับมันขลับ
เริ่มหัวข้อโดย: ชลนา ทิชากร ที่ 11 พฤษภาคม 2013, 11:33:PM
(http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_030.gif) (http://www.klonthaiclub.com)

หมูเสือช้าง กวางเก้ง ก็เองรู้
เองก็หมู รู้ช้าง เสือกวางเก้ง
เก้งเสือช้าง กวางหมู ก็รู้เอง
เสือช้างเก้ง เองรู้ ก็หมูกวาง

ชลนา  ทิชากร

(http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_028.gif) (http://www.klonthaiclub.com)



หัวข้อ: Re: เลื่อมพรายปีก แมลงทับ ขลับมันขลับ
เริ่มหัวข้อโดย: พยัญเสมอ ที่ 12 พฤษภาคม 2013, 07:27:AM



ต้องยอมรับว่าแรกทีเดียวผมงงมากๆกับกลอนแบบนี้นะครับ  เพราะไม่รู้ว่าจะแต่งยังไง  เริ่มยังไง
บอกตรงๆว่าถ้าไม่เข้าใจเคล็ดลับจะไม่มีทางแต่งได้  ผมเสียเวลาอดหลับอดนอนพิจารณาจากกลอนต้นแบบ
ของคุณกรกชอยู่วันกับคืนเต็ม  แรกๆก็เริ่มเข้าใจเคล็ดลับแล้วครับ  แต่ติดปัญหาอยู่ที่การหาคำที่เหมาะสม
เพื่อจะมาใช้แต่งนั่นแหละครับที่ยากมากๆ ดังนั้นผมก็เลยติดจนล่วงเข้าวันที่สอง
ตอนที่ตัดสินใจแต่งกลอนนี้ผมคิดว่ายังไงก็ต้องแต่ง  แม้ว่าจะทำได้หรือไม่ได้ก็ตาม
จากนั้นก็หลับตาสูดลมหายใจนึกถึงเทวดาฟ้าดินสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นับถือว่าให้มาช่วยดลจิตดลใจให้ผม
แต่งกลอนนี้ได้  หลังจากนั้นก็ปล่อยให้สมองว่างเปล่าเหมือนคนสลึมสลือไม่ให้มีสิ่งใดอยู่ในหัว
จากนั้นก็เริ่มบรรทัดแรกตามเคล็ดลับที่สังเกตได้มา  ส่วนบรรทัดต่อไปสุดแล้วแต่สวรรค์จะกำหนดครับ
โดยตนเองมีหน้าแค่นำทุกคำมาเรียงให้ครบทั้งแปดคำไม่ให้มีคำใดขาด  และไม่ให้มีคำใดเกิน
ปรากฏว่าน่าอัศจรรย์มากที่พอลงมือทำไปกลับปรากฏว่าทำได้
ทั้งนี้และทั้งนั้นที่ผมทำได้ก็เกิดจากเคล็ดลับที่ได้จากกลอนตัวอย่างของคุณกรกฎบวกเทพยาดาฟ้าดินท่านช่วย
นั่นแหละครับ  ไม่ได้เกิดจากตัวผมเองเลย หรือจะบอกว่าบังเอญฟลุคก็ได้   emo_45
ไม่นึกว่าคุณอริญชย์กับคุณ ชลนา ทิชากร ก็ทำได้  โดยเฉพาะคุณชลนา ทิชากรนั้นเข้าใจเคล็ดลับการแต่ง
ได้มากกว่าผมและคุณอริญชย์อีก  ต้องขอชมเชย   emo_45
สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณ คุณกรกฏนะครับ ที่นำเคล็ดลับดีๆแปลกๆมาแบ่งปัน
หากไม่ได้กลอนที่คุณกรกชนำมาลงให้ดูนี้แล้ว  ผมคิดว่าชาตินี้ผมคงไม่มีวันแต่งได้แน่ๆ

 emo_126

                                                            Orion264(มือขวา)





หัวข้อ: Re: เลื่อมพรายปีก แมลงทับ ขลับมันขลับ
เริ่มหัวข้อโดย: พยัญเสมอ ที่ 12 พฤษภาคม 2013, 08:08:AM


ทีนี้มาพูดถึงกลเม็ดเคล็ดลับในการแต่งกันบ้าง  ไม่ทราบว่าคุณกรกฎจะอนุญาตให้ผมเปิดเผยหรือเปล่าครับ
เผื่อว่านักลอนท่านใดสนใจได้ทราบแล้วจะได้ลองนำไปหัดแต่งบ้าง   หรือว่าจะเก็บไว้เป็นความลับฟ้าดิน
ให้ทำความเข้าใจกันเอง  สืบทอดรุ่นต่อรุ่นแบบการเรียนรู้อย่างเซ็น คือรู้เฉพาะตัว  ไม่มีการอธิบาย
ทั้งนี้ผมยืนยันว่าไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน นี่เพิ่งจะเห็นเป็นครั้งแรก  ผมก็จะเคารพการตัดสินใจของคุณกรกฏครับ


 emo_95




หัวข้อ: Re: เลื่อมพรายปีก แมลงทับ ขลับมันขลับ
เริ่มหัวข้อโดย: กรกช ที่ 12 พฤษภาคม 2013, 08:26:AM


#๑๔๗

-๐-๐-๐-

อันความลับนี้ไม่   มีหรอก ท่านเอย
ตีแผ่เคล็ดลับบอก    ต่อได้
เป็นทางบ่งเขียนดอก    แนวที่
แจงเพื่อกระจ่างไซร้    แน่แล้วควรทำ

-๐-๐-๐-


เชิญท่านมือขวาขอรับ


หัวข้อ: Re: เลื่อมพรายปีก แมลงทับ ขลับมันขลับ
เริ่มหัวข้อโดย: พยัญเสมอ ที่ 12 พฤษภาคม 2013, 09:58:AM



งั้นขออนุญาตเริ่มเลยนะครับ

เคล็ดลับสัญที่สุดก็อยู่ที่กลอนบรรทัดแรกนี่แหละครับ

ร้องคำหวาน วานลม ชมทำนอง (กรกฎ)

อธิบายตามกลอนที่ท่านกรกฏแต่งมาให้ดูเป็นตัวอย่าง  จะเห็นได้ว่า กลอนวรรคแรกนั้น
ประกอบไปด้วยคำแปดคำ  โดยมีสระเป็นคูๆอยู่สี่ดังนี้

ร้องนอง    คำทำ    หวานวาน   ลมชม

โดยกำหนดให้สระหนึ่งคู่ต้องมีเสียงต่างกัน  เพื่อใช้ท้ายวรรคที่ ๑  และรับสัมผัสในวรรคที่ ๒
และให้มีสระอีกหนึ่งคู่  ให้มีเสียงต่างกัน  ตัวหนึ่งต้องเป็นเสียง เอก  เสียงโท หรือเสียงจัตวา
เพื่อให้ใช้เป็นคำท้ายวรรคที่ ๒  และอีกตัวหนึ่งต้องเป็นเสียงสามัญเท่านั้น เพื่อจะมารับสัมผัส
ที่ท้ายวรรค ๓  ตามฉันทลักษณ์ของกลอนสุภาพ(แต่กลอนนี้มีข้อเสียอย่างหนึ่งคือมีการซ้ำคำในบท
ซึ่งนักกลอนส่วนมากไม่ยอมรับ  แต่ใครไม่ยอมรับก็ช่างเหอะ  ผมยอมรับเรื่องการซ้ำคำกันได้)
คำอื่นๆที่เหลืออีกสองคู่  จะใช้เสียงอะไรก็ได้โดยไม่บังคับ(ดูตัวอย่าง)

กลอนคุณกรกฏ

ร้องนอง    คำทำ    หวานวาน   ลมชม      เมื่อเขียนเป็นกลอนวรรคแรก

ร้องคำหวาน วานลม ชมทำนอง
(ท่านกรกฎพลาดตรงที่ เลือกใช้ว่า ทำนอง  ซึ่งเป็นคำผสมระหว่างคำว่าทำและนอง เกิดเป็นความหมายใหม่  และไม่อาจเขียนกลับเป็น  นองทำได้
เนื่องจากจะไม่สื่อความหมายใดๆ  ดังนั้นก็เลยทำให้สัมผัสสะดุดในวรรคที่ ๒)

กลอนมือขวา
หลายคนเห็น  เป็นงาม  ตามตนคล้าย     เมื่อแยกสระออกมาเป็นคู่ๆ

หลายคล้าย  คนตน    เห็นป็น  งามตาม      เมื่อนำมาเรียงเป็นกลอน

หลายคนเห็น  เป็นงาม  ตามตนคล้าย

กลอนคุณอริญชย์
เสือช้างสิงห์   ลิงหมู   หนูค่างเหยื่อ   เมื่อแยกสระออกเป็นคู่ๆ

เสือเหยื่อ  ช้างค่าง  สิงห์ลิง  หมูหนู  (ตรงนี้ถ้าแทนที่จะเป็นหมูหนูคุณอริญชย์ใช้เป็น  หมูงู  หรือ หนูงู
โดยให้ตัวหนึ่งเสียงสามัญเสีย  การลงท้ายกลอนก็จะไม่มีปัญหา)คราวนี้มาเขียนเป็นกลอน

เสือช้างสิงห์   ลิงหมู   หนูค่างเหยื่อ

(คุณอริญชย์พลาดตรงที่ในคำคู่ทั้ง ๘ คำ  ไม่มีคู่เสียงสามัญเลยแม้แต่คู่เดีียว  ทำให้มีปัญหาในการลงท้ายบท)

จะเห็นได้ว่าเคล็ดลับจะอยู่ที่สระ ๑ คู่ ที่จะต้องใช้สัมผัสระหว่างคำท้ายวรรแรกกับการรับสัมผัสในวรรคที่ ๒
ซึ่งจะต้องใช้คำที่เสียงต่างกัน     กับอีกคู่หนึ่งที่จะใช้สำหรับส่งสัมผัสระหว่างท้ายวรรค๒ กับท้ายวรรค ๓
โดยมีคำหนึ่งต้องเป็นเสียงจัตวา โท หรือเอก เพื่อใช้ลงท้ายวรรค ๒  และอีกคำต้องเป็นเสียงสามัญเพื่อใช้
เป็นคำลงท้ายในวรรค ๓
คำที่เหลือนอกจากนี้ไม่บังคับ  แต่ควรต้องมีเสียงสามัญอีก ๑ คู่  เพื่อใช้เป็นคำลงท้ายในวรรคส่ง
ไม่งั้นจะลงผิดเสียงอย่างที่ท่านอริญชย์ลง

หลายคล้าย  คนตน    เห็นป็น  งามตาม 
(คู่ที่เน้นสี คือคู่ที่จะถูกใช้ในการรับสัมผัสระหว่างวรรค)เมื่อได้คำมาแล้วก็มาเรียงให้เป็นกลอนให้ถูกต้องตามหลักสัมผัสของกลอนแปด

หลายคนเห็น  เป็นงาม  ตามตนคล้าย           ต่อไปคือเริ่มว่าที่ ๒
งามเป็น........ตามด้วย หลาย   เพราะคำว่าคล้ายเราใช้ไปแล้ว.....ดังนั้นคำรับผัสตรงนี้
เรานำมาใช้ไไม่ได้อีก(แต่นำไปใช้ได้ในคำถัดๆไปเพื่อให้ในหนึ่งวรรคมีคำครบทั้งแปดคำโดยไม่ขาด) กลายเป็น

หลายคนเห็น  เป็นงาม  ตามตนคล้าย
งามเป็น
หลาย คล้ายตน  ตามคนเห็น
และเรื่อยๆไปจนจบทั้งบท
..........................................
..........................................


จากนั้นก็เรียงยังไงก็ได้โดยให้แต่ละวรรคนั้นสัมผัสกัน   ต้องไม่ให้เกินและต้องไม้ให้ขาด
คือให้ใช้คำทั้งแปดที่กำหนดไว้แต่แรกให้พอดี  ทุกๆวรรค  ห้ามใช้คำอื่นนอกจากนี้  และห้ามวรรคใดวรรคหนึ่ง
ขาดคำใดคำหนึ่ง จากทั้งแปดคำในวรรคแรก

ผมอธิบายได้เพียงนี้  ที่เหลือหากต้องการทราบผู้อ่านต้องไปทดลองเอาเองครับ


----------------------------------------------------------------------------------------------------------------


ส่วนกลอนของคุณ ชลนา  ทิชากรนั้นจะต่างจากท่านกรกฎ  ผม และท่านอริญชย์ไปเล็กน้อยดังนี้

หมูเสือช้าง กวางเก้ง ก็เองรู้     เมื่อแยกสระออกเป็นคู่ๆจะได้คำดังนี้

หมูรู้   ช้างกวาง   เองเก้ง        ส่วนที่แปลกออกไป  คือ   เสือ  กับ ก็    ซึ่งไม่ได้มาเป็นคู่ๆ
 
เมื่อนำมาเขียนเป็นกลอนก็จะได้ดังนี้

หมูเสือช้าง กวางเก้ง ก็เองรู้    

ซึ่งตามหลักการนี้ผมยังไม่ได้ลอง  และยังไม่เข้าใจนัก  ดังนั้นผมจึงได้บอกว่า คุณชลนา ทิชากร
ได้เข้าใจเคล็ดลับการแต่งมากกว่า ผมและคุณ อริญชย์

ผิดถูกยังไงก็ต้องขออภัยด้วยครับ เพราะผมอธิบายไม่เก่ง   และท่านอื่นๆไม่ต้องถามผมแล้วนะครับ
ว่าแล้ววรรคต่อๆไปต้องแต่งยังไง   เพราะผมก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง  คุณต้องลองแต่งถึงจะทราบเอง

ส่วนการหาคำต้องใช้คำพยางค์เดียว ที่นำมาเรียงกันแล้วอ่านกลับไปกลับมามีความหมายได้ทั้งสองด้านนะครับ
เช่น  วันคืน  คืนวัน  ไปกลับ  กลับไป  ทางเดิน  เดินทาง  โรงหนัง  หนังโรง  ไม่ควรใช้คำที่มีความหมายในทางเดียว
โดยเขียนกลับกันไม่ได้  เช่น  ตำแหน่ง    สมัคร   สัมผัส  สงสัย  เอามาเขียนกลับเป็น  แหน่งตำ  หมักสะ  ผัสสัม  สัยสง
แบบนี้ใช้ไม่ได้ครับ  เพราะไม่สื่อความหมายใดๆ



                                                                         Orion264(มือขวา)
                                                                           ๑๒/๐๕/๒๕๕๖




 emo_126










หัวข้อ: Re: เลื่อมพรายปีก แมลงทับ ขลับมันขลับ
เริ่มหัวข้อโดย: กรกช ที่ 12 พฤษภาคม 2013, 11:17:AM


#๑๔๙

-๐-๐-๐-

คำแจกแจงอ่านล้วน     บอกความ
เราแต่งเองยังตาม     พยักหน้า
เคยหลงฝั่งเมื่อยาม    เขียนเพิ่ม
สูตรท่านเปิดออกอ้า     บอกแล้วเคล็ดดี

-๐-๐-๐-


เขียนเอง ยังงงเอง
ท่านมือขวาวิจารณ์ครบถ้วน
ขาดแต่ว่า
ท่านชลนา มีเคล็ดใดเพิ่มนะ
รอท่านชลนามาเฉลย


หัวข้อ: Re: เลื่อมพรายปีก แมลงทับ ขลับมันขลับ
เริ่มหัวข้อโดย: ชลนา ทิชากร ที่ 12 พฤษภาคม 2013, 01:01:PM
เขียนเอง ยังงงเอง
ท่านมือขวาวิจารณ์ครบถ้วน
ขาดแต่ว่า
ท่านชลนา มีเคล็ดใดเพิ่มนะ
รอท่านชลนามาเฉลย
หมูเสือช้าง กวางเก้ง ก็เองรู้     เมื่อแยกสระออกเป็นคู่ๆจะได้คำดังนี้
หมูรู้    ช้างกวาง   เองเก้ง         ส่วนที่แปลกออกไป  คือ   เสือ   กับ ก็     ซึ่งไม่ได้มาเป็นคู่ๆ
 
เมื่อนำมาเขียนเป็นกลอนก็จะได้ดังนี้

หมูเสือช้าง กวางเก้ง ก็เองรู้     

ซึ่งตามหลักการนี้ผมยังไม่ได้ลอง  และยังไม่เข้าใจนัก  ดังนั้นผมจึงได้บอกว่า คุณชลนา ทิชากร ได้เข้าใจเคล็ดลับการแต่งมากกว่า ผมและคุณ อริญชย์
 
ความจริงคุณชลนาเป็นคนไม่คอยชอบอธิบายอะไรเท่าไรนัก แต่เพื่อไขข้อข้องใจ ว่า คุณชลนา มีเข็ดอะไร ให้คุณ (กรกฎ) สบายใจ คุณชลนา ไม่ได้มีเข็ดอะไรเลย เพียงเขียนกลอน แปด ธรรมดา ขึ้นมาบาทหนึ่ง (ไม่รู้เรียกถูกหรือเปล่า) ให้มันคล้องจองกัน และอ่านแล้วได้ใจความ คุณชลนา ยก  หมูเสือช้าง กวางเก้ง เองก็รู้   ได้ใจความ แต่ไม่ถูกฉันทลักษณ์ คำว่าเองเป็นคำชิงสัมผัส เลยต้องเปลี่ยนเป็น หมูเสือช้าง กวางเก้ง ก็เองรู้  ไม่ค่อยได้ใจความเท่าไร เมื่อแต่งกลอนแปด ธรรมดา มาหนึ่งบาท เอาหนึ่งบาทแปดคำนั่นแหละ มาแต่งต่ออีกสามบาท ให้ครบ สี่บาท คุณชลนา ใช่วิธีนี้ ไม่รู้ว่าใช่เข็ดหรือเปล่า ผิดถูกแนะนำด้วย คุชลนา ก็ยังอ่อนหัดอยู่เหมือนกัน
ชลนา  ทิชากร  
       




หัวข้อ: Re: เลื่อมพรายปีก แมลงทับ ขลับมันขลับ
เริ่มหัวข้อโดย: พยัญเสมอ ที่ 12 พฤษภาคม 2013, 01:13:PM

อย่าว่าแต่ท่านกรกช และคนอื่นอ่านแล้วจะงงเลยครับ  ขนาดผมที่เป็นคนอาสาอธิบายเองก็ยังงงตัวเองเหมือนกัน emo_45
เอาใหม่ครับ  คราวนี้ยกตัวอย่่างกันให้แจ่มแจ้งแดงแจ๋กันไปเลย

เคล็ดลับสำคัญการแต่งกลอนแบบนี้ก็อยู่ที่บรรทัดแรก ๘ คำนั่นแหละครับ   ตัวอย่าง


หลายคนเห็นเป็นงามตามตนคล้าย

ตามตัวอย่างที่ยกมานี้จะเห็นได้ในการเขียนกลอนบรรทัดแรกแปดคำนั้น  ได้มีการเตรียมการไว้หมดแล้วว่าจะใช้ตัวไหน
สำหรับรับสัมผัสระหว่างท้ายวรรหนึ่งกับวรรคสอง    และจะใช้คู่ไหนเพื่อรับสัมผัสระหว่างท้ายวรรคสองกับท้ายววรคสาม
และต้องเตรียมคำเสียงสามัญหนึ่งคู่  ไว้สำหรับการลงท้ายวรรคสี่    ดังตัวอย่าง



หลายคนเห็น  เป็นงาม  ตามตนคล้าย
งามเป็นหลาย  คล้ายตน  ตามคนเห็น
ตนเห็นตาม   งามคล้าย  หลายคนเป็น
ตนตามเห็น   เป็นหลาย   คล้ายคนงาม



เห็นไหมครับว่า  ตรงที่เน้นสีแดงด้านบนนั้น ได้กลายมาเป็นคำลงท้ายวรรคสองกับวรรคสามไปแล้ว(ตามที่เน้นสีแดงให้ดู)
นี่ก็คือการเตรียมการสำหรับคำที่จะใช้เป็นคำลงท้ายวรรคตั้งแต่แรกที่เขียนเพียงบรรทัดเดียว

คำต่อมาก็คือคำว่า หลาย ซึ่งถูกเน้นสีฟ้าซึ่งอยู่เป็นคำแรกเลย  ได้ถูกเตรียมไว้เพื่อนำมารับคำว่าคล้ายที่อยู่ท้ายวรรคตั้งแต่ต้น

และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือต้องเตรียมคำที่เป็นเสียงสามัญไว้สำหรับลงท้ายวรรคที่สี่ด้วย
นอกนั้นก็สุดแต่จะบรรเลงอย่างไรก็ได้ตามถนัด  โดยยกคำจากบรรทัดแรกที่มีอยู่เพียงแปดคำมาสลับเอาตามใจชอบ
โดยให้มีสัมผัสให้ถูกต้องตามหลักกลอนแปด   ห้ามใช้เกินอย่างละคำ  และห้ามขาดคำใดคำหนึ่ง
ห้ามนำคำอื่นที่ไม่ได้อยู่แปดคำในบรรทัดแรกมาใส่


ตัวอย่างของท่านกรกฏ


ร้องคำหวานวานลมชมทำนอง


ร้องคำหวาน วานลม ชมทำนอง
วานลมร้อง ทำนอง ชมคำหวาน
ทำนองร้อง หวานชม คำลมวาน
ทำนองหวาน วานชม ลมร้องคำ



ตัวอย่างกลอนของท่านอริญชย์

เสือช้างสิงห์ลิงหมูหนูค่างเหยื่อ


เสือช้างสิงห์   ลิงหมู   หนูค่างเหยื่อ
หมูลิงเสือ      เหยื่อค่าง  หนูช้างสิงห์
ค่างสิงห์หนู    หมูเหยื่อ   เสือช้างลิง
ค่างหนูสิงห์     ลิงเสือ   เหยื่อช้างหมู ฯ  



เมื่อพิจารณาและชี้กันอย่างชัดๆแล้ว  ทั้งสามบทนี้ใช้หลักการเดียวกันหมด  คือได้เตรียมคำสำหรับไว้รับสัมผัสวรรคสองกับวรรคสามไว้แล้ว ๑ คู่
ซึ่งก็คือคำที่เน้นสีแดง  โดยคำหนึ่งเสียงสูง  อีกคำเสียงสามัญ
และได้เตรียมคำที่จะใช้รับสัมผัสระหว่างวรรคแรกกับวรรคสองไว้แล้วซึ่งก็คือคำที่เน้นสีฟ้า ซึ่งจะใช้เสียงอะไรก็ได้ แต่ควรเป็นเสียงที่ต่างระดับกัน
และคำที่เป็นเสียงสามัญอีกหนึ่งคู่ สำหรับคำลงท้าย   แต่ท่านอริญชย์ไม่ได้เตรียมคำที่เป็นเสียงสามัญไว้ สุดท้ายก็เลยจำเป็นต้องลงด้วยเสียงสูง
ผมคงอธิบายได้สุดเท่านี้แล้วนะครับ   ที่เหลือก็ฝากผู้ที่สนใจเก็บไปคิดเอาเอง  ว่าจะใช้คำแบบไหนจึงกลับได้ทั้งสองด้านหน้า
เช่น  มือขวา  ขวามือ  มือซ้าย  ซ้ายมือ   อันนั้นคงต้องแล้วแต่ปฏิภาณของแต่ละคนครับ แนะนำกันไม่ได้







หัวข้อ: Re: เลื่อมพรายปีก แมลงทับ ขลับมันขลับ
เริ่มหัวข้อโดย: กรกช ที่ 12 พฤษภาคม 2013, 01:23:PM


#๑๕๐

-๐-๐-๐-

ประเด็นแตกต่างนั้น    เสือบอก อยู่เอง
แสดงว่ามาโดดหยอก    ก็ด้วย
มิเป็นคู่กันหรอก     นาท่าน
อุตส่าห์หาเลยม้วย     บทสิ้นขาดพลัน

-๐-๐-๐-



กระผมก็คิดเหมือนท่านมือขวา
พยายามหาคำมาจับคู่ แต่ไร้คู่เหมาะสม
กลอนเลยด้วนแค่บทเดียว
พบท่านชลนา เป็นโสดขาดคู่ เลยงง



หัวข้อ: Re: เลื่อมพรายปีก แมลงทับ ขลับมันขลับ
เริ่มหัวข้อโดย: พยัญเสมอ ที่ 12 พฤษภาคม 2013, 01:25:PM

เขียนเอง ยังงงเอง
ท่านมือขวาวิจารณ์ครบถ้วน
ขาดแต่ว่า
ท่านชลนา มีเคล็ดใดเพิ่มนะ
รอท่านชลนามาเฉลย
หมูเสือช้าง กวางเก้ง ก็เองรู้     เมื่อแยกสระออกเป็นคู่ๆจะได้คำดังนี้
หมูรู้    ช้างกวาง   เองเก้ง         ส่วนที่แปลกออกไป  คือ   เสือ   กับ ก็     ซึ่งไม่ได้มาเป็นคู่ๆ
 
เมื่อนำมาเขียนเป็นกลอนก็จะได้ดังนี้

หมูเสือช้าง กวางเก้ง ก็เองรู้     

ซึ่งตามหลักการนี้ผมยังไม่ได้ลอง  และยังไม่เข้าใจนัก  ดังนั้นผมจึงได้บอกว่า คุณชลนา ทิชากร ได้เข้าใจเคล็ดลับการแต่งมากกว่า ผมและคุณ อริญชย์
 
ความจริงคุณชลนาเป็นคนไม่คอยชอบอธิบายอะไรเท่าไรนัก แต่เพื่อไขข้อข้องใจ ว่า คุณชลนา มีเข็ดอะไร ให้คุณ (กรกฎ) สบายใจ คุณชลนา ไม่ได้มีเข็ดอะไรเลย เพียงเขียนกลอน แปด ธรรมดา ขึ้นมาบาทหนึ่ง (ไม่รู้เรียกถูกหรือเปล่า) ให้มันคล้องจองกัน และอ่านแล้วได้ใจความ คุณชลนา ยก  หมูเสือช้าง กวางเก้ง เองก็รู้   ได้ใจความ แต่ไม่ถูกฉันทลักษณ์ คำว่าเองเป็นคำชิงสัมผัส เลยต้องเปลี่ยนเป็น หมูเสือช้าง กวางเก้ง ก็เองรู้  ไม่ค่อยได้ใจความเท่าไร เมื่อแต่งกลอนแปด ธรรมดา มาหนึ่งบาท เอาหนึ่งบาทแปดคำนั่นแหละ มาแต่งต่ออีกสามบาท ให้ครบ สี่บาท คุณชลนา ใช่วิธีนี้ ไม่รู้ว่าใช่เข็ดหรือเปล่า ผิดถูกแนะนำด้วย คุชลนา ก็ยังอ่อนหัดอยู่เหมือนกัน
ชลนา  ทิชากร  
       





อันนั้นถูกต้องครับ  ก็คือเขียนกลอนแปดธรรมดาขึ้นมาหนึ่งวรรคนั่นแหละ
แต่หากไม่คิดถึงการเตรียมการเรื่องสัมผัสและระดับเสียงสูงต่ำในท้ายววรคสองและสาม
อีกทั้งไม่ได้เตรียมคำเสียงสามัญไว้สำหรับการลงท้ายวรรคสี่แล้วละก็  รับรองว่ากลอน
ที่แต่งออกมาจะดูไม่จืดและจะทำให้คนแต่งงงกันไปใหญ่และจะต้องเสียเวลาแก้แล้วก็อีก
คนที่แต่งได้ก็คือคนที่คิดและเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมตั้งแต่บรรทัดแรกแล้ว
หากบรรทัดแรกผิด  ทุกอย่างจะผิดพลาดไปหมด  ดังคำว่าเดินหมากตาแรกผิดตัวเดียวแพ้ทั้งกระดาน


 emo_95






หัวข้อ: Re: เลื่อมพรายปีก แมลงทับ ขลับมันขลับ
เริ่มหัวข้อโดย: เนิน จำราย ที่ 12 พฤษภาคม 2013, 01:32:PM
 

จำมาเล่าครับ

ขอเกริ่นกล่าวเล่าความไปตามเท็จ 
ผู้ใหญ่เพ็ชร์ลักไก่ผู้ใหญ่สรง
ขอเกริ่นกล่าวเล่าความไปตามตรง 
ผู้ใหญสรงลักไก่ผู้ใหญ่เพ็ชร์

เนิน จำราย



หัวข้อ: Re: เลื่อมพรายปีก แมลงทับ ขลับมันขลับ
เริ่มหัวข้อโดย: พยัญเสมอ ที่ 12 พฤษภาคม 2013, 01:39:PM




จำมาเล่าครับ

ขอเกริ่นกล่าวเล่าความไปตามเท็จ 
ผู้ใหญ่เพ็ชร์ลักไก่ผู้ใหญ่สรง
ขอเกริ่นกล่าวเล่าความไปตามตรง 
ผู้ใหญสรงลักไก่ผู้ใหญ่เพ็ชร์

เนิน จำราย



สุดยอด

 emo_100

สรูปแล้ว เรื่องจริงคือ  ผู้ใหญ่สรงลักไก่ผู้ใหญ่เพ็ชร
เรื่องโกหกก็คือ ผู้ใหญ่เพ็ชรลักไก่ผู้ ใหญ่สรง



 emo_86



หัวข้อ: Re: เลื่อมพรายปีก แมลงทับ ขลับมันขลับ
เริ่มหัวข้อโดย: ไพร พนาวัลย์ ที่ 12 พฤษภาคม 2013, 02:00:PM
 
emo_126 emo_126 emo_126 emo_126


ขอชื่นชมคุณOrien264(มือขวา)คุณกรกช ท่านอริญชย์และคุณชลนามากเลยนะครับ

ที่ช่วยกันค้นคว้านำความรู้มาเผยแพร่ ให้ท่านผู้ที่สนใจในการเขียนกลอนกันอย่างลึกซึ้งได้เข้าใจเหมือกับหงายของที่คว่ำให้

หงายขึ้น ได้เห็นกันอย่างกระจ่าง โดยเฉพาะคุณมือขวานั้น เป็นคนที่จับให้มั่นคั้นให้ตายอย่างแท้จริง นี่แหละคือ

กาเลน ธมฺม สากจฺฉา เอตมฺมํ คลมุตฺตมํ การได้สนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นตามกาลอันควร เป็นมงคลอันสูงสุด

จะติดตามการสนทนาของชาวเราต่อๆไปนะครับ

ลุงไพร

 emo_126


หัวข้อ: Re: เลื่อมพรายปีก แมลงทับ ขลับมันขลับ
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ 12 พฤษภาคม 2013, 02:15:PM


จำมาเล่าครับ

ขอเกริ่นกล่าวเล่าความไปตามเท็จ 
ผู้ใหญ่เพ็ชร์ลักไก่ผู้ใหญ่สรง
ขอเกริ่นกล่าวเล่าความไปตามตรง 
ผู้ใหญสรงลักไก่ผู้ใหญ่เพ็ชร์

เนิน จำราย


เช่นกันครับ

ไปเมืองบนเห็นคนขี่ช้าง
ไปเมืองล่างเห็นช้างขี่คน

โถ โท โทษ อ้ายโอดเป็นพี่อ้ายคำ
โถ โท ทำ  อ้ายคำเป็นพี่อ้ายโอด

 emo_100

รพีกาญจน์



หัวข้อ: Re: เลื่อมพรายปีก แมลงทับ ขลับมันขลับ
เริ่มหัวข้อโดย: เนิน จำราย ที่ 12 พฤษภาคม 2013, 02:21:PM




จำมาเล่าครับ

ขอเกริ่นกล่าวเล่าความไปตามเท็จ 
ผู้ใหญ่เพ็ชร์ลักไก่ผู้ใหญ่สรง
ขอเกริ่นกล่าวเล่าความไปตามตรง 
ผู้ใหญสรงลักไก่ผู้ใหญ่เพ็ชร์

เนิน จำราย



สุดยอด

 emo_100

สรูปแล้ว เรื่องจริงคือ  ผู้ใหญ่สรงลักไก่ผู้ใหญ่เพ็ชร
เรื่องโกหกก็คือ ผู้ใหญ่เพ็ชรลักไก่ผู้ ใหญ่สรง



 emo_86



ถูกต้องนะครับ    emo_100


หัวข้อ: Re: เลื่อมพรายปีก แมลงทับ ขลับมันขลับ
เริ่มหัวข้อโดย: ดาว อาชาไนย ที่ 12 พฤษภาคม 2013, 04:17:PM



นายดำน้องชายนายอู๊ดนายแดงพี่ชายนายเด่นชวนกันไปเที่ยว

เขาไปกันกี่คนเนี่ย  ใครช่วยบอกด้วยครับ ผมไม่รู้เลยว่าไปกันกี่คน


หัวข้อ: Re: เลื่อมพรายปีก แมลงทับ ขลับมันขลับ
เริ่มหัวข้อโดย: กรกช ที่ 12 พฤษภาคม 2013, 04:31:PM



นายดำน้องชายนายอู๊ดนายแดงพี่ชายนายเด่นชวนกันไปเที่ยว

เขาไปกันกี่คนเนี่ย  ใครช่วยบอกด้วยครับ ผมไม่รู้เลยว่าไปกันกี่คน





#๑๕๑

-๐-๐-๐-

ลุงดาวไปด้วยนี่    ผมเห็น
สองหนุ่มดำแดงเป็น    คู่อ้าง
สนิทกันบ่งประเด็น      คำเรียก
กันย่อมไปตามบ้าง    แน่แท้สามนาย

-๐-๐-๐-


ถูกไหมขอรับ




หัวข้อ: Re: เลื่อมพรายปีก แมลงทับ ขลับมันขลับ
เริ่มหัวข้อโดย: อริญชย์ ที่ 12 พฤษภาคม 2013, 05:27:PM
แบบนี้พิเศษหน่อยนะ แก้ใหม่(เล่น ๆ นะทุกท่าน)


เสือช้างสิงห์   ลิงงูปู    หนูค่างเหยื่อ
งูปูลิงเสือ      เหยื่อค่าง  หนูช้างสิงห์
ค่างสิงห์หนู    งูปูเหยื่อ   เสือช้างลิง
ค่างหนูสิงห์     ลิงเสือ   เหยื่อช้างงูปู ฯ


ปล. ไม่เกี่ยวกับการเมืองนะ แบบว่ามันลงพอดี



ส่วนที่แก้แล้วตามท่าน Orion264(มือขวา) ให้คำแนะนำมาออกมาอย่างยอดเยี่ยมตามด้านล่างนี้


เสือช้างสิงห์   ลิงงู   หนูค่างเหยื่อ
งูลิงเสือ      เหยื่อค่าง  หนูช้างสิงห์
ค่างสิงห์หนู    งูเหยื่อ   เสือช้างลิง
ค่างหนูสิงห์     ลิงเสือ   เหยื่อช้างงู ฯ 





ขอบคุณท่าน Orion264(มือขวา) และท่านกรกช มา ณ โอกาสนี้เช่นกัน


 emo_107


หัวข้อ: Re: เลื่อมพรายปีก แมลงทับ ขลับมันขลับ
เริ่มหัวข้อโดย: choy ที่ 12 พฤษภาคม 2013, 05:53:PM



นายดำน้องชายนายอู๊ดนายแดงพี่ชายนายเด่นชวนกันไปเที่ยว

เขาไปกันกี่คนเนี่ย  ใครช่วยบอกด้วยครับ ผมไม่รู้เลยว่าไปกันกี่คน


(อ้างถึง)

ไปแค่สองคนค้า คือ

คนแรก = นายดำ (ซึ่งเป็นน้องชายของนายอู๊ด)
คนที่สอง = นายแดง (ซึ่งเป็นพี่ชายนายเด่น)


แม่นบ่ พณฯ
choy


หัวข้อ: Re: เลื่อมพรายปีก แมลงทับ ขลับมันขลับ
เริ่มหัวข้อโดย: อริญชย์ ที่ 12 พฤษภาคม 2013, 07:24:PM
             แผ่วไผ่ซอ

(ลูกกลอนกลบทถอยหลังเข้าคลอง ๑)

พลันเมฆเทา  เย้ายวน   ป่วนบนฟ้า
ทวนลมพา   หญ้าพลิ้ว   ลิ่วลอยหวน
หวนลอยลิ่ว   พลิ้วหญ้า   พาลมทวน
ฟ้าบนป่วน    ยวนเย้า     เทาเมฆพลัน

ซอไผ่แผ่ว    แว่วหวาน   ฝันสานก่อ
วันคืนรอ     ทอฝน         หล่นนาขวัญ
ขวัญนาหล่น     ฝนทอ        รอคืนวัน
ก่อสานฝัน     หวานแว่ว    แผ่วไผ่ซอ ฯ

                                       อริญชย์
                                   ๑๓/๕/๒๕๕๖

ปล. เผื่อใครมีไอเดีย ๆ  ก็ลองคิดกันเล่น ๆ นะทุกท่าน  พอจะเป็นไปได้ไหม หรือเป็นไปไม่ได้
ผู้รู้โปรดช่วยกันวิจารณ์ดูละกันนะ  ขอวางไว้เพื่อถามความคิดเห็นละกัน

ไม่แน่ใจว่าจะคล้ายกลบทถอยหลังเข้าคลองหรือเปล่านะ  ผู้รู้ช่วยดูอีกทีละกันเน้อ ขอบคุณล่วงหน้า ทุกท่าน



 emo_107




        เนื่องจากกลอนบทนี้ได้รับแรงบันดาลใจจาก   “กลอนกลบทถอยหลังเข้าคลอง” ซึ่งโบราณาจารย์ท่านได้วางแบบอย่างเอาไว้อย่างดีเยี่ยม 
ข้าพเจ้าเพียงนำแนวคิดของท่านเหล่านั้นมาคิดต่ออีกทีเพื่อเป็นประโยชน์แก่การอนุรักษ์ภาษาไทยให้คงอยู่สถาพรคู่แผ่นดินไทยสืบไป 
จึงขออนุญาตตั้งชื่อกลอนบทนี้เพื่อเป็นการให้เกียรติแก่โบราณาจารย์ทั้งหลายดังต่อไปนี้ว่า 
                                                “ลูกกลอนกลบทถอยหลังเข้าคลอง ๑”
       อนึ่ง คุณความดีทั้งปวง ขอยกขึ้นบูชาคุณของท่านโบราณาจารย์ทั้งหลายที่ได้ประสิทธิ์ประสาทวิชาไว้แก่ชนรุ่นหลัง   
แต่หากมีสิ่งใดผิดพลาด ให้ถือซะว่าเป็นความเขลาของข้าพเจ้าที่นำมาคิดต่ออย่างเบาปัญญา   ขอผู้รู้โปรดอภัย และให้คำแนะนำตามสมควร  ณ  โอกาสนี้

                                                                                                                      ขอบคุณทุกท่าน
                                                                                                                           อริญชย์


หัวข้อ: Re: เลื่อมพรายปีก แมลงทับ ขลับมันขลับ
เริ่มหัวข้อโดย: พยัญเสมอ ที่ 12 พฤษภาคม 2013, 08:07:PM



ถือเป็นสุดยอดวิทยายุทธิ์ใหม่แขนงหนึ่งเลยทีเดียวครับ
คุณอริญชย์น่าจะตั้งชื่อไว้เลย   เพื่อคนที่ไปทำตามอย่างจะได้เรียกชื่อถูก

  emo_100



หัวข้อ: Re: เลื่อมพรายปีก แมลงทับ ขลับมันขลับ
เริ่มหัวข้อโดย: Moo Dum ที่ 13 พฤษภาคม 2013, 02:39:AM


     พอดีเพิ่งกลับมาจากประเทศที่ เวปบ้านกลอนไทย ถูกบล็อคบางส่วน
     ทำให้เข้าได้เป็นบางครั้ง แต่ส่วนใหญ่จะเข้าไม่ได้
     กลับมาอ่านกระทู้นี้ได้ความรู้มากมาย
     และทำให้นึกถึงกลอนบทเก่าๆที่ผมเคยแต่งไว้
     ขออนุญาตนำกลับมาอ้างอิง และฉายซ้ำอีกครั้งครับ

แปลกไม่แปลก  แรกบ่อย  เฝ้าคอยเฝ้า
เศร้าสุดเศร้า  เหงาแล่น  ห่วงแสนห่วง
ทุกข์ยิ่งทุกข์  รุกหนัก  ลวงรักลวง
ตวงตักตวง  หวงรัก  ใจหนักใจ

วันทั้งวัน  มั่นภักดิ์  ฝากรักฝาก
จากกลัวจาก  หากฝัน  ไหวหวั่นไหว
ห่างคงห่าง  ต่างแดน  ไกลแสนไกล
ไปจากไป  ให้ครวญ  นางนวลนาง

มากรักน้อง  ปองซึ้ง  ถึงรักมาก
หมางเมินจาก  พรากรัก  จักเมินหมาง
ครางครวญคร่ำ  ร่ำไห้  ใจครวญคราง
ชนม์วายวาง  ห่างน้อง  ต้องวายชนม์

ตื่นหลับยัง  หวังหา  คราหลับตื่น
ผลส่งคืน  ชื่นใจ  ให้ส่งผล
ยลแย้มสรวล  ชวนแปลก  แรกแย้มยล
ใจต้องมนต์  วนเวียน  เพียรต้องใจ

แต่งไว้เมื่อ 20 มีนาคม 2013, 11:36:pm
อ้างอิงจาก --> ใจหนอใจ (http://www.klonthaiclub.com/index.php?topic=23652.msg189168#msg189168)

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

หลายหลากถ้อย  ร้อยรับ  กานท์ขับขาน
ขานขับกานท์  รับร้อย  ถ้อยหลากหลาย
ใครใกล้ด้วย  ช่วยสอน  ร่ายกลอนพราย
พรายกลอนร่าย  สอนช่วย  ด้วยใกล้ใคร

ใฝ่ครวญนึก  ตรึกตรอง  หมองใจล่อง
ล่องใจหมอง  ตรองตรึก  นึกครวญใฝ่
ยังพรึงพรั่น  สั่นคลอน  ให้ถอนใจ
ใจถอนให้  คลอนสั่น  พรั่นพรึงยัง
 
หวังสมใจ  ไกลทุกข์  มีสุขศรี
ศรีสุขมี  ทุกข์ไกล  ใจสมหวัง
ตัวลืมหลง  ลงนั่ง  งั่งงงงัง
งังงงงั่ง  นั่งลง  หลงลืมตัว

ทั่วไปเห็น  เช่นรัก  นานจักหวาน
หวานจักนาน  รักเช่น  เห็นไปทั่ว
ตรมช้ำใจ  ให้ต้อง  กลัวหมองมัว
มัวหมองกลัว  ต้องให้  ใจช้ำตรม

ขมขื่นใจ  ไปกอด  วอนออดอ้อน
อ้อนออดวอน  กอดไป  ใจขื่นขม
คอยพบพาน  หวานชื่น  ห่มรื่นรมย์
รมย์รื่นห่ม  ชื่นหวาน  พานพบคอย

แต่งไว้เมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 2013, 10:59:pm
อ้างอิงจาก --> แต่งกลอนสองบท แปดบาท ไม่ขาดตัว (http://www.klonthaiclub.com/index.php?topic=23341.msg187308#msg187308)

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

แถมมาให้อีกแบบครับ

คู่รักครอง  สองใจ  ในรักมั่น
หวังปลุกปั้น  กันอยู่  สู้เคียงฝัน
ชังชิงให้  ไปนาน  ผ่านคืนวัน
ลาจากกัน  ฝันพัง  ดังคร่ำครวญ

คิดมากด้วย  งวยงง  หลงฤๅรัก
ข้าอกหัก  รักเคลือบพิษ  จิตปั่นป่วน
ตามืดมัว  ตัวเผลอ  เธอเย้ายวน
จันทร์ชมชวน  ครวญพา  กานกฟัง

กลอนสองบทข้างบน อ่านต่อได้อีกสองบท
โดยแต่ละวรรค อ่านจากหลังมาหน้า ตามนี้ครับ

มั่นรักใน  ใจสอง ครองรักคู่
ฝันเคียงสู้  อยู่กัน  ปั้นปลุกหวัง
วันคืนผ่าน  นานไป  ให้ชิงชัง
ครวญคร่ำดัง  พังฝัน  กันจากลา

รักฤๅหลง  งงงวย  ด้วยมากคิด
ป่วนปั่นจิต  พิษเคลือบรัก  หักอกข้า
ยวนเย้าเธอ  เผลอตัว  มัวมืดตา
ฟังนกกา  พาครวญ  ชวนชมจันทร์


ย้อนกลับไปอ่านบทแรกต่อได้อีกครับ    emo_26

แต่งไว้เมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2013, 01:07:am
อ้างอิงจาก --> แต่งกลอนสองบท แปดบาท ไม่ขาดตัว (http://www.klonthaiclub.com/index.php?topic=23341.msg187308#msg187308)

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

แค่นี้ก่อนละกันครับ เดี๋ยวกระทู้ยาวเกินไป

ตอนนั้นกลอนบทเหล่านี้ หายไปจากกระทู้หน้าแรกของบ้านกลอนเร็วมาก
เพราะการทดลองใช้หน้าแรกแบบใหม่อยู่ครับ

ว่างๆ จะรวมกลอน แปลกต่างๆ ที่แต่งแบบทั้งมั่ว และ ไม่มั่วเหล่านี้ไว้บ้างครับ

ด้วยความเคารพครับ

Moo Dum

 emo_126 emo_126 emo_126



     


หัวข้อ: Re: เลื่อมพรายปีก แมลงทับ ขลับมันขลับ
เริ่มหัวข้อโดย: อริญชย์ ที่ 13 พฤษภาคม 2013, 07:41:AM
           (ขออีกซักบท)

            ธารเริ่มต้น

(ลูกกลอนกลบทถอยหลังเข้าคลอง ๒) 
          
พราวสายน้ำ  ฉ่ำไหล   ใสงามเด่น
วางวาดเช่น   หยาดยวง   ดาวห้วงหาว
เด่นงามใส     ไหลฉ่ำ    น้ำสายพราว
หาวห้วงดาว   ยวงหยาด   เช่นวาดวาง

ทางที่มา   ป่าใน   ไอเมฆฝน
ธารเริ่มต้น ล้นหลาย พลางพรายพร่าง
ฝนเมฆไอ  ในป่า    มาที่ทาง
พร่างพรายพลาง หลายล้น  ต้นเริ่มธาร ฯ

                                อริญชย์
                            ๑๓/๕/๒๕๕๖

ปล. เผื่อใครมีไอเดีย ๆ  ก็ลองคิดกันเล่น ๆ นะทุกท่าน  พอจะเป็นไปได้ไหม หรือเป็นไปไม่ได้
ผู้รู้โปรดช่วยกันวิจารณ์ดูละกันนะ  ขอวางไว้เพื่อถามความคิดเห็นละกัน




 emo_107


        เนื่องจากกลอนบทนี้ได้รับแรงบันดาลใจจาก   “กลอนกลบทถอยหลังเข้าคลอง” ซึ่งโบราณาจารย์ท่านได้วางแบบอย่างเอาไว้อย่างดีเยี่ยม 
ข้าพเจ้าเพียงนำแนวคิดของท่านเหล่านั้นมาคิดต่ออีกทีเพื่อเป็นประโยชน์แก่การอนุรักษ์ภาษาไทยให้คงอยู่สถาพรคู่แผ่นดินไทยสืบไป 
จึงขออนุญาตตั้งชื่อกลอนบทนี้เพื่อเป็นการให้เกียรติแก่โบราณาจารย์ทั้งหลายดังต่อไปนี้ว่า 
                                                “ลูกกลอนกลบทถอยหลังเข้าคลอง ๒”
       อนึ่ง คุณความดีทั้งปวง ขอยกขึ้นบูชาคุณของท่านโบราณาจารย์ทั้งหลายที่ได้ประสิทธิ์ประสาทวิชาไว้แก่ชนรุ่นหลัง   
แต่หากมีสิ่งใดผิดพลาด ให้ถือซะว่าเป็นความเขลาของข้าพเจ้าที่นำมาคิดต่ออย่างเบาปัญญา   ขอผู้รู้โปรดอภัย และให้คำแนะนำตามสมควร  ณ  โอกาสนี้

                                                                                                                      ขอบคุณทุกท่าน
                                                                                                                           อริญชย์


หัวข้อ: Re: เลื่อมพรายปีก แมลงทับ ขลับมันขลับ
เริ่มหัวข้อโดย: พยัญเสมอ ที่ 13 พฤษภาคม 2013, 01:08:PM




oนานเท่านาน  ผ่านไป  ใจยังรัก
หนักเท่าหนัก   เพียงไหน  ใจห่วงหา
รักเท่ารัก       ปักไว้    ให้ตรึงตรา
ฟ้าเท่าฟ้า   กว้างไกล   อยู่ไหนกัน

หวังเพียงหวัง  ยังรอ  ขอเคียงคู่
รู้เพียงรู้   เป็นเธอ   เสมอมั่น
รอเพียงรอ  หน้ามน  คนผูกพัน
ฝันเพียงฝัน  เช่นนี้   หลายปีเดือนo


ขออนุญาตลดดีกรีความแรงลงมาหน่อยนะครับ เอาแค่เบาะๆพอ   emo_45


Orion264(มือขวา)
๑๓ พฤษภาคม  ๒๕๕๖



 




หัวข้อ: Re: เลื่อมพรายปีก แมลงทับ ขลับมันขลับ
เริ่มหัวข้อโดย: อริญชย์ ที่ 13 พฤษภาคม 2013, 07:23:PM
มุกหมดผ่าว  พราวจาง    วางบทปลุก

ปลุกบทจาง   วางพราว  ผ่าวหมดมุก
ร้อยความสุข  วันคืน      ชื่นตามต้อย
ลอยผ่านไป     ใจหาย     คล้ายมารคอย
หนาวแต่งถ้อย   ร้อยเรียง    เคียงแข่งดาว

มุกหมดผ่าว  พราววาง    จางบทปลุก
วางพราวมุก    ปลุกบท     จางหมดผ่าว
บทผ่าวจาง       วางปลุก     มุกหมดพราว
บทจางผ่าว      พราวปลุก    มุกหมดวาง

ทุกข์กลายร่าง   พลางคืน    ฝืนกายสุข
คืนพลางทุกข์      สุขกาย      ฝืนกลายร่าง
กายร่างฝืน       คืนสุข        ทุกข์กลายพลาง
กายฝืนร่าง       พลางทุกข์    สุขกลายคืน ฯ 

                                         อริญชย์
                                    ๑๓/๕/๒๕๕๖ 

ปล.ขอขอบคุณท่าน Orion264(มือขวา) ที่วางแบบไว้ให้ดูจนเห็นภาพชัดเจน และท่าน กรกช ที่เป็นผู้เริ่มต้น มา ณ โอกาสนี้




 emo_107


หัวข้อ: Re: เลื่อมพรายปีก แมลงทับ ขลับมันขลับ
เริ่มหัวข้อโดย: ดาว อาชาไนย ที่ 13 พฤษภาคม 2013, 09:26:PM



ขอตอบคุณกรกช และ คุณ Choy  ดังนี้ครับ

ผมเองก็ไม่ทราบครับว่าเขาไปกันกี่คน  แต่ขอเดานะครับ

นายดำและน้องชาย         ๒  คน
นายอู๊ด                        ๑  คน
นายแดงและพี่ชาย           ๒  คน
นายเด่น                       ๑   คน
รวมทั้งหมด ๖ คน

อาจจะไปกันแค่ ๒ คนก็ได้นะครับ คือ นายดำ กับ นายแดงเท่านั้น


หัวข้อ: Re: เลื่อมพรายปีก แมลงทับ ขลับมันขลับ
เริ่มหัวข้อโดย: กรกช ที่ 13 พฤษภาคม 2013, 10:00:PM



ขอตอบคุณกรกช และ คุณ Choy  ดังนี้ครับ

ผมเองก็ไม่ทราบครับว่าเขาไปกันกี่คน  แต่ขอเดานะครับ

นายดำและน้องชาย         ๒  คน
นายอู๊ด                        ๑  คน
นายแดงและพี่ชาย           ๒  คน
นายเด่น                       ๑   คน
รวมทั้งหมด ๖ คน

อาจจะไปกันแค่ ๒ คนก็ได้นะครับ คือ นายดำ กับ นายแดงเท่านั้น





#๑๖๐

-๐-
โธ่ลุงดาว คราวนี้ ไม่มีเฉลย
กระผมเลย คิดไกล ไปไหมนั่น
จะกี่คน ก็ได้ ยังไงกัน
รึว่าวัน นั้นยุ่ง ลุงเลยลืม
-๐-


แซวลุงดาว ขอรับ


หัวข้อ: Re: เลื่อมพรายปีก แมลงทับ ขลับมันขลับ
เริ่มหัวข้อโดย: พยัญเสมอ ที่ 15 พฤษภาคม 2013, 12:11:PM


จำมาเล่าครับ

ขอเกริ่นกล่าวเล่าความไปตามเท็จ 
ผู้ใหญ่เพ็ชร์ลักไก่ผู้ใหญ่สรง
ขอเกริ่นกล่าวเล่าความไปตามตรง 
ผู้ใหญสรงลักไก่ผู้ใหญ่เพ็ชร์

เนิน จำราย



ลองแต่งดูหน่อย  ไม่เนียนเท่าไหร่นะ สู้ของเดิมไม่ได้


เสียงเล่าลือสับสนปนพิรุธ
ว่าอีตุ๊ดก้นดำปล้ำหนุ่มตุ๋ย
เสียงเล่าลือสับสนคำคนคุย
ว่าหนุ่มตุ๋ยก้นดำปล้ำอีตุ๊ด



ขอบคุณกลอนต้นแบบจาก เนิน จำราย

Orion264(มือขวา)



 emo_126






หัวข้อ: Re: เลื่อมพรายปีก แมลงทับ ขลับมันขลับ
เริ่มหัวข้อโดย: Moo Dum ที่ 16 พฤษภาคม 2013, 05:01:AM

พราวดาวเพ็ญ  เห็นขาว  เป็นสาวเด่น
ขาวเห็นเป็น  เพ็ญพราว  ดาวเด่น..สาว
เพ็ญเห็นขาว  สาวเป็น  เด่นดาวพราว
เห็นเด่นดาว  สาวขาว  เป็นพราวเพ็ญ

เด่นเป็นดาว  พราวเห็น  สาวเพ็ญขาว
เป็นพราวสาว  ขาวเพ็ญ  เด่นดาวเห็น
ดาวพราวเพ็ญ  เห็นสาว  ขาวเด่นเป็น
ดาวขาวเด่น  เพ็ญเห็น  เป็นสาวพราว

Moo Dum

 emo_126 emo_126 emo_126

งานยุ่งรวมกับเดินทางบ่อย
เข้ามาตอนกระทู้วายไปแล้ว
แต่ก็ต้องขอบคุณหลายท่าน ที่เป็นอาจารย์แนะนำในที่นี้
ทดลองแต่งมาได้ 2 บท จาก 8 คำครับ
ตอนแต่งว่า...งง...แล้ว
ตอนอ่านไหง...งง...กว่าก็ไม่รู้

 emo_82 emo_82



หัวข้อ: Re: เลื่อมพรายปีก แมลงทับ ขลับมันขลับ
เริ่มหัวข้อโดย: พยัญเสมอ ที่ 16 พฤษภาคม 2013, 09:32:AM

ยกระดับความยากจากของเดิมไปอีกสองขั้นครับ
-หลีกเลี่ยงสัมผัสซ้ำ
-จากเดิมแปดคำที่ใช้แต่งกลอนเพียงหนึ่งบท  กลายเป็นสองบทโดยมีสัมผัสระหว่างบท และไม่ต้องใช้แปดคำชุดใหม่
-อ่านแล้วเพิ่มความงวยงงอีกเป็นสองเท่าตามที่คุณหมูดำว่า  emo_20 ถ้ายังเพิ่มขึ้นไปอีกเรื่อยๆสมควรเรียกว่ากลบท นะ จังงัง
-ไม่รู้ถือเป็นคำชมได้หรือเปล่านะ แต่ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก  ผมกำลังคิดว่าทำอย่างไรจึงจะตัดเรื่องสัมผัสซ้ำ และแต่งเพิ่มเป็นสองบท
(โดยใช้คำคนละชุด)ก็พอดีคุณหมูดำทำไปก่อนแล้ว ขอบคุณที่ทำให้ดูครับ emo_47    emo_118

  (http://poem.meemodel.com/emoticon/smile/smile15.gif)   emo_87