พิมพ์หน้านี้ - ~ดาวอับแสง~

ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน

บทประพันธ์กลอนและบทกวีเพราะๆ => กลอนเหงา => ข้อความที่เริ่มโดย: MASAPAER ที่ 08 ธันวาคม 2010, 11:02:AM



หัวข้อ: ~ดาวอับแสง~
เริ่มหัวข้อโดย: MASAPAER ที่ 08 ธันวาคม 2010, 11:02:AM
(http://image.dek-d.com/23/1268567/104226757)

(http://www.kaweeclub.com/link/a1%20(14).gif)

~ดาวอับแสง~

 emo_10

แสงสวรรค์สรรค์สร้างสว่างหรือ
แสงไฟสื่อสีสันร้อยพันสาย
ดอกนีออนซ้อนเหลื่อมกระเพื่อมพราย
กลบดาวรายเกลื่อนฟ้าแสงลาจาง

หลากสีสันแต่งแต้มแซมเมืองใหญ่
ตระการใจใครคนยลเมืองกว้าง
แสงดาราหม่นหลัวมัวเลือนราง
แนบซอกใจมีบ้างหรืออย่างไร

แสงสีนวลชวนมองไยหมองหม่น
เช่นบางคนหม่นมานนั้นไฉน
กี่เพลาดาวเมืองเรืองแสงไกล
จะดับไฟมืดลงตรงราตรี

ให้แสงนวลน้อยหนึ่งพึงกระพริบ
หวังกระซิบแสงแลแม้ริบหรี่
เพียงโอกาสวาดฝันอันน้อยมี
สู่ใจเธอคนดีนี้เพียงคราว

ณ  เบื้องบนดาดฟ้าราตรีล่อง
เธอจะมองท้องถนนหรือบนหาว
มองที่ใดไฟส่องหรือมองดาว
ที่แสงจางรอคราวดาวอับแรง

คงจะมีเพียงฝันอันน้อยหนึ่ง
ไฟเมืองถึงซึ่งคราวดับเงาแสง
หวังเพียงเธอมองดาวคราวฟ้าแปลง
รอแสดงแสงนวลยวนใจเธอ..

...แค่นาที..

"มะสะแป..ค่ะ"


(http://img1.thaicomment.com/tc/080/019.gif)



หัวข้อ: Re: ~ดาวอับแสง~
เริ่มหัวข้อโดย: จ้อง เจรียงคำ ที่ 08 ธันวาคม 2010, 02:43:PM

ณ ริมบึงบ้านไพรห่างไกลมาก
การลาจากกี่วารนานเสมอ
ซากเศษใบไม้กลบ..ที่พบเจอ
ไม่เท่าเสี้ยวซากเหม่อ..ที่เพ้อทรวง

หนึ่งราตรีที่แหงนมองแผ่นฟ้า
กี่การโรยโหยหา..ถลาร่วง
แม้นหัวจิตคิดถึง..จากหนึ่งดวง
แต่หลายห้วงแหลกลาญล้านคำนึง

เธอแสวงแสงสีนีออนไหน
ปล่อยแสงดาวบ้านไพรให้คิดถึง
หรือห้วงฟ้าราตรีที่ริมบึง
ไม่อาจตรึงตราจิตสักนิดน้อย

ที่ริมบึงจึงย้อนไปก่อนนั้น
ดาวแข่งเพียงแสงจันทร์แสงหิ่งห้อย
วันนี้ถูกแสงเกลื่อนกลบเลื่อนลอย
จากดาวพร้อยเมืองฟ้า..ยามราตรี

ดาวบ้านไพรไกลแล้วเมื่อแนวป่า
ไกลนักหนาหนุ่มดงหลงแสงสี
ถึงประกายสุดแรงเท่าแสงมี
แค่ดาวที่อับแสง..แฝงใจเธอ

ณ ริมบึงหนึ่งคนใจป่นยับ
ดาวบ้านไพรใกล้ดับนับหยดเอ่อ
แข่งกับประกายดาวคราวชะเง้อ
ปล่อยดาวเก้อกี่ร่วงดวงน้ำตา?


อาร์ตี้  emo_52



หัวข้อ: Re: ~ดาวอับแสง~
เริ่มหัวข้อโดย: knight_95 ที่ 08 ธันวาคม 2010, 04:10:PM
เดือนหงาย
ดาวเลือนห่างไปไร้แสง
เด่นแต่ดวงแขไขไม่ร้อนแรง
แม้แต่แสงดาวก็หายคลายลับ

เมฆหม่นก่นฟ้าดาราราย
ฟ้าเคยสาดฉายก็หายดับ
เดือนเดียวเกี่ยวฟ้าก็พาพับ
เก็บกลับคืนบ้านย่านถิ่นเดิม

คืนหนาว
เศร้าใจรอนร้าวไม่ฮึกเหิม
น้ำตาก็พาเหงาเศร้าเพิ่มเติม
ใจดวงเดิมก็หมองหม่นทุกข์ท้นทวี



หัวข้อ: Re: ~ดาวอับแสง~
เริ่มหัวข้อโดย: พระจันทร์สีน้ำเงิน ที่ 08 ธันวาคม 2010, 05:04:PM
([url]http://image.dek-d.com/23/1268567/104226757[/url])

([url]http://www.kaweeclub.com/link/a1%20(14).gif)[/url]

~ดาวอับแสง~

 emo_10

แสงสวรรค์สรรค์สร้างสว่างหรือ
แสงไฟสื่อสีสันร้อยพันสาย
ดอกนีออนซ้อนเหลื่อมกระเพื่อมพราย
กลบดาวรายเกลื่อนฟ้าแสงลาจาง

หลากสีสันแต่งแต้มแซมเมืองใหญ่
ตระการใจใครคนยลเมืองกว้าง
แสงดาราหม่นหลัวมัวเลือนราง
แนบซอกใจมีบ้างหรืออย่างไร

แสงสีนวลชวนมองไยหมองหม่น
เช่นบางคนหม่นมานนั้นไฉน
กี่เพลาดาวเมืองเรืองแสงไกล
จะดับไฟมืดลงตรงราตรี

ให้แสงนวลน้อยหนึ่งพึงกระพริบ
หวังกระซิบแสงแลแม้ริบหรี่
เพียงโอกาสวาดฝันอันน้อยมี
สู่ใจเธอคนดีนี้เพียงคราว

ณ  เบื้องบนดาดฟ้าราตรีล่อง
เธอจะมองท้องถนนหรือบนหาว
มองที่ใดไฟส่องหรือมองดาว
ที่แสงจางรอคราวดาวอับแรง

คงจะมีเพียงฝันอันน้อยหนึ่ง
ไฟเมืองถึงซึ่งคราวดับเงาแสง
หวังเพียงเธอมองดาวคราวฟ้าแปลง
รอแสดงแสงนวลยวนใจเธอ..

...แค่นาที..

"มะสะแป..ค่ะ"


([url]http://img1.thaicomment.com/tc/080/019.gif[/url])




(http://niyata.exteen.com/images/Scorpius.jpg)

(http://dl6.glitter-graphics.net/pub/627/627016o9kz570twq.gif)

น้ำตาดาว

ในขณะแสงเมืองเมลืองค่า
ดับ เดิ่ง ดวงดาริกาอยู่เสมอ
แลรวงนีออนหลอนบำเรอ
ผิ..ได้เจอสักดอกน้ำตาดาว

กระพริบ กระพริบอยู่ริบหรี่
เทียวละทีแรงช่วงแค่ห้วงหาว
นวัตรกรรมธรรมชาติวาดวาบวาว
แต่..ชั่วครู่ ชั่วคราว และ ชั่วคืน

เดียวดายรายรอบแค่กรอบฟ้า
แม้..บางอาจหยาดหล้าอย่างฝ่าฝืน
เปล่งผกายสุดแรงแข่งไฟฟืน
โน้มจูบพื้นพสุธาด้วยอาลัย

อยากดับปวงแสงเมืองเมลืองค่า
เพื่อทอดแสงดาริกาโชติไสว
หวังขณะเมืองมอดปลอดดวงไฟ
ผิ..รับสิทธิ์ยลใจใครบางคน

เถิด..ชั่วคืน ชั่วคราว และชั่วครู่
สางตรู่แย้มเยือนจะเลือนหน
ก่อนจำพรากคืนสรวงสู่ห้วงบน
เถอะ..สักซับหยาดหล่นน้ำตาดาว


(http://dl4.glitter-graphics.net/pub/672/672414c8vxi9fnql.png)

สวัสดีค่ะ คุณ มะสะแปร์ ร่วมแจมด้วยคนค่ะ


หัวข้อ: Re: ~ดาวอับแสง~
เริ่มหัวข้อโดย: เพรางาย ที่ 09 ธันวาคม 2010, 01:12:AM
ฟ้าสว่างห่างหายลายดาวร่วง
ยื่นประท้วงตะวันสั่นลมหนาว
ขอยืดช่วงราตรีนี้อีกคราว
อย่ากลบแสงวามวาวจนร้าวใจ

เสียงรถราขวักไขว่ไล่เพลงทุ่ง
ตึกรามกั้นขอบคุ้งลำธารใส
ห่างบ้านเรือนบ้านป่ามาแสนไกล
อย่าเร่งไล่เพื่อนดาวบนราวฟ้า


หัวข้อ: Re: ~ดาวอับแสง~
เริ่มหัวข้อโดย: MASAPAER ที่ 09 ธันวาคม 2010, 09:36:AM
 
(http://image.dek-d.com/23/1268567/104226757)

(http://www.kaweeclub.com/link/a1%20(14).gif)

~ดาวอับแสง~

 emo_10

แสงสวรรค์สรรค์สร้างสว่างหรือ
แสงไฟสื่อสีสันร้อยพันสาย
ดอกนีออนซ้อนเหลื่อมกระเพื่อมพราย
กลบดาวรายเกลื่อนฟ้าแสงลาจาง

หลากสีสันแต่งแต้มแซมเมืองใหญ่
ตระการใจใครคนยลเมืองกว้าง
แสงดาราหม่นหลัวมัวเลือนราง
แนบซอกใจมีบ้างหรืออย่างไร

แสงสีนวลชวนมองไยหมองหม่น
เช่นบางคนหม่นมานนั้นไฉน
กี่เพลาดาวเมืองเรืองแสงไกล
จะดับไฟมืดลงตรงราตรี

ให้แสงนวลน้อยหนึ่งพึงกระพริบ
หวังกระซิบแสงแลแม้ริบหรี่
เพียงโอกาสวาดฝันอันน้อยมี
สู่ใจเธอคนดีนี้เพียงคราว

ณ  เบื้องบนดาดฟ้าราตรีล่อง
เธอจะมองท้องถนนหรือบนหาว
มองที่ใดไฟส่องหรือมองดาว
ที่แสงจางรอคราวดาวอับแรง

คงจะมีเพียงฝันอันน้อยหนึ่ง
ไฟเมืองถึงซึ่งคราวดับเงาแสง
หวังเพียงเธอมองดาวคราวฟ้าแปลง
รอแสดงแสงนวลยวนใจเธอ..

...แค่นาที..

"มะสะแป..ค่ะ"


(http://img1.thaicomment.com/tc/080/019.gif)




(http://niyata.exteen.com/images/Scorpius.jpg)

(http://dl6.glitter-graphics.net/pub/627/627016o9kz570twq.gif)

น้ำตาดาว

ในขณะแสงเมืองเมลืองค่า
ดับ เดิ่ง ดวงดาริกาอยู่เสมอ
แลรวงนีออนหลอนบำเรอ
ผิ..ได้เจอสักดอกน้ำตาดาว

กระพริบ กระพริบอยู่ริบหรี่
เทียวละทีแรงช่วงแค่ห้วงหาว
นวัตรกรรมธรรมชาติวาดวาบวาว
แต่..ชั่วครู่ ชั่วคราว และ ชั่วคืน

เดียวดายรายรอบแค่กรอบฟ้า
แม้..บางอาจหยาดหล้าอย่างฝ่าฝืน
เปล่งผกายสุดแรงแข่งไฟฟืน
โน้มจูบพื้นพสุธาด้วยอาลัย

อยากดับปวงแสงเมืองเมลืองค่า
เพื่อทอดแสงดาริกาโชติไสว
หวังขณะเมืองมอดปลอดดวงไฟ
ผิ..รับสิทธิ์ยลใจใครบางคน

เถิด..ชั่วคืน ชั่วคราว และชั่วครู่
สางตรู่แย้มเยือนจะเลือนหน
ก่อนจำพรากคืนสรวงสู่ห้วงบน
เถอะ..สักซับหยาดหล่นน้ำตาดาว


(http://dl4.glitter-graphics.net/pub/672/672414c8vxi9fnql.png)

สวัสดีค่ะ คุณ มะสะแปร์ ร่วมแจมด้วยคนค่ะ  (พระจันทร์สีน้ำเงินค่ะ)
 
 
~เพียงข้ามคืน~


แสงอันน้อยค่อยอ่อนซ่อนความหม่น
กึ่งระคนค้นถึงซึ่งห้วงหาว
ถิ่นประกายรายล้อมรัตน์พร้อมพราว
ส่องสกาวเจ้าถิ่นปิ่นอำไพ

งามเพียงคืนเดือนดับยออับแสง
เด่นเพียงคืนสิ้นแรงแสงแขไข
สวยเพียงคืนพ้นวันอันอุ่นไอ
ผ่องเพียงในราตรีที่มืดดำ

หายเลือนรางจางลาคราฟ้าใส
เหมาะอำไพมีค่าเพียงป่าถ้ำ
รอจังหวะประกายเริงร่ายรำ
เมื่อเวลากลางค่ำย่ำราตรี

นวัตกรรมธรรมชาติอันดาษดื่น
แต่มิตื่นฝืนวัฒน์รัฐกรุงศรี
ประติมากรรมวัตถุสู่ธานี
นิรมิตแสงคลี่ที่งามตา

ล่อลวงนัยน์หวนทิศพิศสีแสง
ตระการแจ้งจำรัสอันจัดจ้า
สิ้นเสียแล้วแวววันขวัญดารา
คนเขาคว้าชมชื่นดื่นดวงไฟ

คงจะเห็นดาวดวงช่วงสว่าง
บัดสิ้นร้างแสงสีนี้ใช่ไหม
ดาวจะผลิบานเด่นเพ็ญวิไล
เมื่อดาวใหญ่ไฟดับอับกลางเมือง

แสงดาวฤา จะเท่าสปอร์ตไลท์..อิอิ

ทักทายพระจันทร์สีน้ำเงิน  คุณอาร์ตี้  คุณ knight_95  และคุณเพรางายค่ะ  ยินดีทุกบทกลอนค่ะ พระจันทร์  emo_28


หัวข้อ: Re: ~ดาวอับแสง~
เริ่มหัวข้อโดย: พรายม่าน ที่ 09 ธันวาคม 2010, 02:02:PM
 

คล้ายเรื่องเก่าเล่าผ่านมานานแล้ว
ดาวประกายฉายแววจากแนวป่า
ทิ้งห้วยหนองท้องคุ้งทิ้งทุ่งนา
ไปเจิดจ้าจัดแสงเพื่อแข่งเดือน

   ไม่ต้องอ้างข้างแรมแอบแต้มฟ้า
กระพริบพร่าลาดวงแล้วร่วงเกลื่อน
อยากฉายเฉิดเชิดหน้าเมื่อมาเยือน
ให้ฟ้าเตือนเพื่อนชี้ว่านี่ดาว

   ไม่เคยรู้คู่แข่งคือแสงไหน
แสงจากไต้ไม่สว่างถึงกลางหาว
แค่ริบหรี่คลี่แนวเป็นแถวยาว
หลบแสงดาวพราวพรูอยู่เรืองเรือง

   แต่แสงสีที่สาดเกินคาดคิด
ดูคล้ายปิดด้วยพรมสีส้มเหลือง
จากโลกันต์ถลันพุ่งมามุงเมือง
นรกเฟื่องเปรื่องหล้าเกินฟ้าทาน

   กลบแสงดาวพราวพยับให้อับแสง
เกินจะแข่งแสงพรายที่ฉายฉาน
จะหลบลับกลับไพรก็ไกลกาล
มันเนิ่นนานพาลพะวงเพราะหลงไฟ

   ต้องสู้ฝืนกลืนกล้ำคล้ำแสงหม่น
จะร่วงหล่นพ้นสีที่วันไหน
คงเกินแรงแข่งช้ำเกินทำใจ
เกินร่ำไห้ไกลหาน้ำตาดาว

พรายม่าน
สันทราย
๙ . ๑๒ . ๕๓


หัวข้อ: Re: ~ดาวอับแสง~
เริ่มหัวข้อโดย: ฉันเอง ที่ 09 ธันวาคม 2010, 02:38:PM
แสงหม่น


ฤา..สิ้นแล้ว  แสงหม่น  คนอย่างฉัน

มิอาจเทียบ  แสงตะวัน  ที่ผันผ่าน

มิอาจสู้   เสียงเสนาะ   ไพเราะนาน

มิอาจทาน  กลอนกานท์  ชั้นเมฆินทร์


เหลือแต่ความ   จริงใจ   ที่มีให้

มิไหลไป   กับอบาย   กระแสสินธุ์

รักคงอยู่   ตราบชั่วฟ้า  สุดแผ่นดิน

มิผกผิน   ไปไหนไกล   จากใจเธอ


ความทรงจำ   จะคงอยู่    มิรู้หาย

ความเดียวดาย   คงตามติด  ชิดเสมอ

ความคิดถึง  ส่งผ่านฟ้า  ไปให้เธอ

ความรวดร้าว  เผาผ่าวเจอ  ด้วยตัวเอง


สุดเกินท้อ   นานเกินรอ   ก็เพราะรัก

เหนื่อยหน่ายหนัก  หลงรักเขา  เฝ้าข่มเหง

แสงเราน้อย  คอยมืดดับ   กลับไม่เกรง

ใจนักเลง  คงต้องสู้  จนมอดไป


ขอแจมมั่งครับ


ฉันเอง..