ด้วยจิตคารวะ

ด้วยจิตคารวะ

(1/28) > >>

สายใย:

กระทู้นี้จะขอนำผลงานอมตะ ไพเราะ ๆ ที่จัดเป็น ผลงานชั้นครู
ของนักกวีอาวุโส ที่เป็นเจ้าของ"วรรคทอง"หลายท่านมานำเสนอตามโอกาส
ท่านใดมีบทกวีลักษณะดังกล่าว ขอเชิญนำมาบันทึกไว้ให้ได้ชื่นชมกันครับ
อย่าลืมให้เครดิตเจ้าของผลงานด้วยครับ

สายใย:
ซอสามสาย          โดยภิญโญ  ศรีจำลอง

เสียงแหบโหยโรยแรงแจกแจงโศก
อนาถโชคชอกช้ำกระหน่ำหนัก
รักแรกรื่นคืนสลดเมื่อหมดรัก
สิ้นแหล่งหลักพักพิงทุกสิ่งไป

เสียงกำสรวลครวญสู่มิรู้สิ้น
นกขมิ้นบินร่อนจะนอนไหน
เคยเรื่อยร้องท่องเที่ยวกลับเปลี่ยวใจ
ห่างพุ่มไม้ใบบังหวังอุ่นอิง

ต่อมาศัพท์กลับชื่นระรื่นโสต
ชวนปราโมทย์แม้นทรวงมนต์สรวงสิง
โฉมแม่เฉิดเลิศซึ้งตรึงจิตจริง
เป็นยอดหญิงเยือนหล้าหลบฟ้าจร

ยังเยาว์วัยประไพพักตร์น่ารักหลง
พระเพื่อนองค์เอกสง่ากว่าอัปสร
พระแพงนุชสุดประเสริฐเลิศองค์อร
นาฏอมรเมียงมาแล้วลาเลย

แล้วเปลี่ยนเสียงเพียงมนต์มาดลกล่อม
เหมือนหว่านล้อมให้พร้องว่า "...น้องเอ๋ย
หนาวน้ำค้างพร่างพรำลมรำเพย
บุปผาเผยกลีบกลิ่นรินรินรวย

ดาเรศพร้อยย้อยระยับประดับฟ้า
เสี้ยวจันทราฟ้าแขวนไว้แสนสวย
แม้นบุญญามาเกื้ออาจเอื้ออวย
นุชอยู่ด้วยสุขสรรพฤๅกลับกลาย"

เสียงซึ้งพาอารมณ์เปลี่ยนตรมสุข
ล้วนเร่งรุกเร้าตามซอสามสาย
เมื่อเสียงกลับลับเลื่อนคลาดเคลื่อนคลาย
ยังไม่วายหวังพ้องเจ้าของซอ

ภิญโญ  ศรีจำลอง ๒๕๐๖

สายใย:

เสียเจ้า
ของ กวีรัตนโกสินทร์ อังคาร กัลยาณพงศ์

       เสียเจ้าราวร้าวมณีรุ้ง............มุ่งปรารถนาอะไรในหล้า
มิหวังกระทั่งฟากฟ้า................ซบหน้าติดดินกินทราย

จะเจ็บจำไปถึงปรโลก..............ฤารอยโศกรู้ร้างจางหาย
จะเกิดกี่ฟ้ามาตรมตาย.............อย่าหมายว่าจะให้หัวใจ

ถ้าเจ้าอุบัติบนสวรรค์...............ข้าขอลงโลกันตร์หม่นไหม้
สูเป็นไฟเราเป็นไม้...................ให้ทำลายสิ้นถึงวิญญาณ

แม้แต่ธุลีมิอาลัย......................ลืมเจ้าไซร้ชั่วกัลปาวสาน
ถ้าชาติไหนเกิดไปพบพาน..........จะทรมานควักทิ้งทั้งแก้วตา

ตายไปอยู่ใต้รอยเท้า..............ให้เจ้าเหยียบเล่นเหมือนเส้นหญ้า
เพื่อจดจำพิษช้ำนานา................ไปชั่วฟ้าชั่วดินสิ้นเอย๚

                                            อังคาร กัลยาณพงศ์


ดาวระดา:
ยามเช้าแสงแสงทอแสงถักทอด
อยู่บนยอดบนยวงบนห้วงหาว
เล็ดลอดลำลำไผ่ใบลำพราว
งามแวววาวแวววับวิบวาบแวว

หยาดน้ำค้างค้างใบใสหยดค้าง
ไหลลงทิวทิวทางกลางทิวแถว
ทีละหยดหยดลงหลายหยดแล้ว
ดังเก็จแก้วประกายเก็จงามเก็จไกล

ลมอ่อนอ่อนร่อนเอื่อยเรื่อยแรงอ่อน
พัดยอดย้อนย้อนลงคงย้อนไหล
สีกอพลางกลางกอกอไผ่ไพร
ช่างอุ่นอวลอุ่นไอโอ้อุ่นอัน

เพลินเพลงไผ่พาเพลินงามเพลินพร้อม
ลำนำนบนบน้อมนบแนบนั่น
ลำไผ่เรียงเคียงข้อข้อข้อครั้น
หลายหลากหลั่นลิบแลสูงลิบลิบ

แสงแดดเริ่มแรงแรงรุกแรงร้อน
เพลงดงดอนดงใดในดงดิบ
หยดหยาดเยิ้มหยาดยามหยาดระยิบ
พราวกระพริบพราวเพริดบรรเจิดพราว
............................
ผลงานการประพันธ์ คุณคอนพูทน  กวีท่านหนึ่งที่ผมนับถือเป็นพี่ชายที่ผมเคารพ
มีผลงานในโลกออนไลน์มากมาย ส่วนกวีที่มีผลงานมีชื่อเสียงอื่นผมแทบไม่เคยอ่านเคยสัมผัส
ไม่ใช่สินะ ผมยังมีอีกท่านที่ผมเคยได้อ่านตอนสมัยเรียนท่านสุนทรภู่
การเขียนกลอนผมก็ยังหลงเสียงหลงสัมผัสอยู่เรื่อยต้องฝึกอีกกี่ปีไม่รู้ถึงจะเข้ารูปเข้ารอย

สายใย:
               นกขมิ้น            (เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์)
เขาคลอขลุ่ยครวญเสียงเพียงแผ่วผิว
ชะลอนิ้วพลิ้วผ่านจากมานหมอง
โอดสะอื้นอ้อยอิ่งทิ้งทำนอง
เป็นคำพร้องพริ้งพรายระบายใจ
 
โอ้ดอกเอ๋ยเจ้าดอกขจร
นกขมิ้นเหลืองอ่อน จะนอนไหน
ค่ำลงแล้วแนวพนาและฟ้าไกล
เจ้านอนได้ทุกเถื่อนท่าไม่อาทร
 
แล้วหวนเสียงเรียงนิ้วขึ้นหวิวหวีด
เร่งอดีตดาลฝันบรรโลมหลอน
ถี่กระชั้นสั่นกระชากใจจากจร
ระเรื่อยร่อนเร่มาเป็นอาจิณ
 
โอ้ใจเอ๋ยอ้างว้างวังเวงนัก
ไร้แหล่งพักหลักพันจะผันผิน
เพิ่มแต่พิษผิดหวังยังย้ำยิน
ระด่าวดิ้นโดยอนาถแทบขาดใจ
 
ข้าเคยฝันถึงฟ้ากว้างกว่ากว้าง
ฝันถึงปางทับเปลี่ยวเรี่ยวน้ำไหล
ถึงช่อเอื้องเหลืองระย้าคาคบไม้
ในแนวไพรนึกเหมือนเป็นเพื่อนเนา
 
รู้รสแรงแห่งทุกข์และสุขสิ้น
บนแผ่นดินแผ่นเดียวเปลี่ยวและเหงา
จิบน้ำใจจนทั่วเจียนมัวเมา
ไร้ร่มเงารังเรือนและเพื่อนตาย
 
เขาเคลียนิ้วเนิบนุ่มเสียงทุ้มพร่า
เหมือนหวนหาโหยไห้น่าใจหาย
เจ้าขมิ้นเหลืองอ่อนนอนเดียวดาย
จะเหนื่อยหน่ายหนาวน้ำค้างที่กลางดง
 
เสียงฉับฉิ่งหริ่งรับขยับเร่ง
จะพรากเพลงเพื่อนยินสิ้นเสียงส่ง
เขาเบือนนิ้วผิวแผ่วแล้วราลง
เสียงนั้นคงเน้นครางอย่างห่วงใย
 
เจ้าดอกเอยดอกขจรอาวรณ์ถวิล
นกขมิ้นเหลืองอ่อนจะนอนไหน
เขาวางขลุ่ยข่มน้ำตาว้าเหว่ใจ
ตอบไม่ได้ดอกหนาข้าคนจร
 
จาก ผลงานรวมบทประพันธ์ชื่อ”คำหยาด”  ของ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป